สินค้าทั้งหมด (All products)
-
สินค้าเหลือจำนวนจำกัด! Global Pi Shop Arduino Nano (ยังไม่บัดกรี)
Arduino Nano: บอร์ด Arduino ขนาดเล็ก ทรงพลัง Arduino Nano คือบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยจุดเด่นคือการนำพลังการประมวลผลและความสามารถทั้งหมดของบอร์ดรุ่นพี่อย่าง Arduino Uno มาย่อส่วนลงในขนาดที่เล็กกะทัดรัด ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ หรือต้องการติดตั้งบนบอร์ดทดลอง (Breadboard) โดยตรง จุดเด่นของ Arduino Nano ขนาดเล็ก: ด้วยขนาดเพียง 0.73" x 1.70" ทำให้เหมาะกับงานที่จำกัดพื้นที่ Breadboard-Friendly: ขาของบอร์ดถูกออกแบบมาให้เสียบลงบน Breadboard ได้พอดี ประสิทธิภาพเทียบเท่า Uno: ใช้ชิป ATmega328P ตัวเดียวกันกับ Arduino Uno มี Analog Input มากกว่า: มีขา Analog Input ถึง 8 ขา (A0-A7) ซึ่งมากกว่า Uno ที่มี 6 ขา ใช้งานง่าย: สามารถเขียนโปรแกรมและอัปโหลดโค้ดผ่าน Arduino IDE ได้เหมือนบอร์ด Arduino รุ่นอื่นๆ ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค (Technical Specifications) ไมโครคอนโทรลเลอร์ Microcontroller ATmega328P Clock Speed 16 MHz หน่วยความจำ (Memory) Flash Memory 32 KB (2 KB ถูกใช้โดย Bootloader) SRAM 2 KB EEPROM 1 KB อินพุต / เอาต์พุต (Input / Output) Digital I/O Pins 14 ขา (6 ขาสามารถใช้เป็น PWM Output ได้) Analog Input Pins 8 ขา (A0-A7) DC Current per I/O Pin 40 mA (สูงสุดไม่เกิน 200 mA รวมทุกขา) ระบบไฟ (Power) Operating Voltage 5V Input Voltage (recommended) 7-12V (ผ่านขา VIN) Input Voltage (limits) 6-15V ข้อมูลทางกายภาพ (Physical) Dimensions 0.73" x 1.70" (ประมาณ 18.5 x 43.2 มม.)
100.00 ฿ 70.00 ฿
-
Global Pi Shop ปั๊มน้ำ DC 3.3V/5V สำหรับ Arduino ESP
DC Water Pump (3V-5V): คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับชาว Maker DC Water Pump คืออะไร? DC Water Pump คือ ปั๊มน้ำขนาดเล็กที่ทำงานด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่นิยมอย่างมากในงาน DIY และโปรเจคด้านอิเล็กทรอนิกส์ เหมาะสำหรับการดูดและส่งน้ำจากภาชนะหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เช่น: ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ ระบบน้ำไหลเวียนสำหรับตู้ปลา หรือถังน้ำ เครื่องให้อาหารสัตว์เลี้ยงอัตโนมัติ โปรเจคที่ต้องการการควบคุมการไหลของของเหลว สามารถควบคุมการทำงานผ่านไมโครคอนโทรลเลอร์อย่าง Arduino, ESP8266, ESP32 ได้ง่ายๆ โดยต่อผ่านโมดูลควบคุม เช่น Relay หรือ Transistor Module เพื่อจัดการกับกระแสไฟฟ้าที่สูงกว่าขา I/O จะจ่ายไหว ⚠️ ข้อควรจำที่สำคัญ ควรใช้งาน DC Pump ร่วมกับ ทรานซิสเตอร์หรือ Relay Module เสมอ เนื่องจากปั๊มน้ำกินกระแสไฟฟ้ามากเกินกว่าที่ขา I/O ของ Arduino จะสามารถจ่ายได้โดยตรง การต่อตรงอาจทำให้บอร์ดของคุณเสียหายได้ ข้อมูลจำเพาะ (Specification) ของ DC Water Pump (3.3V / 5V) รายการ รายละเอียด แรงดันไฟฟ้าใช้งาน 3.3V – 5V (เหมาะกับ Arduino, ESP8266, ESP32) กระแสใช้งาน ~100 – 300 mA (ขึ้นอยู่กับรุ่นและภาระงาน) อัตราการไหล (Flow rate) ประมาณ 80 – 120 ลิตร/ชั่วโมง ระยะส่งน้ำแนวตั้ง (Head height) ประมาณ 0.5 – 1 เมตร วัสดุ พลาสติก ABS กันน้ำ สายไฟ 2 เส้น (แดง = VCC, ดำ = GND) การทำงานต่อเนื่อง สามารถทำงานต่อเนื่องได้ แต่ควรมีการพักเป็นระยะหากทำงานโดยไม่มีน้ำ เพื่อป้องกันความร้อนสะสม การใช้งานกับ Arduino ✅ การต่อวงจรด้วยทรานซิสเตอร์โมดูล (เช่น IRF520, TIP120) การใช้โมดูลทรานซิสเตอร์เป็นวิธีที่นิยมและปลอดภัยในการควบคุมปั๊มน้ำ: อุปกรณ์ ต่อเข้ากับ โมดูลทรานซิสเตอร์: ขา IN ขาดิจิทัลของ Arduino (เช่น D8) โมดูลทรานซิสเตอร์: ขา VCC 5V จากแหล่งจ่ายไฟ (แนะนำให้ใช้แหล่งจ่ายแยกจาก Arduino) โมดูลทรานซิสเตอร์: ขา GND GND ของ Arduino (ต้องเชื่อมต่อ GND ร่วมกัน) สายไฟปั๊ม + (สีแดง) ต่อกับขั้ว V+ ของโมดูล สายไฟปั๊ม - (สีดำ) ต่อกับขั้ว OUT- หรือ GND ของโมดูล ✅ ตัวอย่างโค้ด Arduino เปิด-ปิดปั๊มน้ำ โค้ดนี้จะสั่งให้ปั๊มน้ำทำงานเป็นเวลา 5 วินาที และหยุดพัก 10 วินาที วนไปเรื่อยๆ // กำหนดขาที่ต่อกับโมดูลทรานซิสเตอร์ int pumpPin = 8; void setup() { // ตั้งค่าให้ pumpPin เป็น OUTPUT pinMode(pumpPin, OUTPUT); // เริ่มต้นโดยให้ปั๊มหยุดทำงาน digitalWrite(pumpPin, LOW); } void loop() { // สั่งเปิดปั๊มน้ำ digitalWrite(pumpPin, HIGH); delay(5000); // ทำงานเป็นเวลา 5 วินาที // สั่งปิดปั๊มน้ำ digitalWrite(pumpPin, LOW); delay(10000); // หยุดพักเป็นเวลา 10 วินาที } ไอเดียการประยุกต์ใช้งาน (Application Ideas) โปรเจกต์ รายละเอียดและอุปกรณ์ที่ใช้ร่วม รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ ใช้ร่วมกับเซ็นเซอร์วัดความชื้นในดิน (Soil Moisture Sensor) เพื่อสั่งเปิด-ปิดปั๊มเมื่อดินแห้ง ระบบกรองน้ำตู้ปลาขนาดเล็ก ตั้งเวลาเปิด-ปิดเพื่อสร้างการไหลเวียนของน้ำผ่านระบบกรอง เครื่องให้น้ำสัตว์เลี้ยง ควบคุมผ่าน NodeMCU/ESP32 เพื่อสั่งงานผ่าน Wi-Fi หรือตั้งเวลาให้น้ำ ระบบน้ำหยดอัจฉริยะ เหมาะสำหรับปลูกพืชที่ต้องการการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและแม่นยำ ✅ ข้อดี ราคาถูก น้ำหนักเบา ใช้งานง่ายกับไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น Arduino ขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับงาน DIY และพื้นที่จำกัด ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำ (3.3V / 5V) ทำให้หาแหล่งจ่ายไฟง่าย ⚠️ ข้อควรระวัง ห้ามเดินปั๊มแบบไม่มีน้ำเด็ดขาด (Dry Running) เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสูงและมอเตอร์อาจเสียหายได้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแหล่งจ่ายไฟ (Power Supply) สามารถจ่ายกระแสได้เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกับแบตเตอรี่
25.00 ฿ 17.00 ฿
-
Global Pi Shop DS3231 RTC โมดูลนาฬิกาสำหรับ Arduino ESP
DS3231 RTC คืออะไร? โมดูลนาฬิกาความแม่นยำสูง DS3231 คือ โมดูลนาฬิกาเรียลไทม์ (RTC - Real Time Clock) ความแม่นยำสูง ใช้สำหรับเก็บข้อมูลวันที่และเวลาอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง แม้ว่าแหล่งจ่ายไฟหลักของระบบจะถูกปิดหรือตัดการเชื่อมต่อออกไปก็ตาม เนื่องจากมีแบตเตอรี่สำรอง (CR2032) ในตัวเพื่อรักษาเวลาไว้ โมดูลนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการความเที่ยงตรงของเวลา เช่น ระบบบันทึกข้อมูล (Data Logger), นาฬิกาปลุก, ระบบตั้งเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์อัตโนมัติ และอื่นๆ สเปคของ DS3231 RTC แรงดันไฟฟ้าใช้งาน 3.3V – 5.5V (ใช้ได้ทั้ง Arduino และ Raspberry Pi) การสื่อสาร I2C (SCL, SDA) ความแม่นยำ ±2 นาทีต่อปี (แม่นยำกว่า DS1307 มาก) แบตเตอรี่สำรอง CR2032 (รักษาเวลาได้นานหลายปีแม้ไม่มีไฟเลี้ยง) ช่วงปีที่รองรับ ค.ศ. 2000 – 2099 คุณสมบัติพิเศษ มีวงจรชดเชยอุณหภูมิในตัว (Temperature-compensated) ทำให้เวลาไม่เพี้ยนตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป การใช้งานกับ Arduino ✅ การต่อสายกับ Arduino UNO ขาบน DS3231 ต่อกับขาบน Arduino UNO VCC 5V GND GND SDA A4 SCL A5 หมายเหตุ: Arduino รุ่นอื่นอาจใช้ขา I2C ที่แตกต่างกัน (เช่น Mega 2560 ใช้ขา 20, 21) กรุณาตรวจสอบ Pinout ของบอร์ดที่ใช้ ✅ ตัวอย่างโค้ด Arduino ต้องติดตั้งไลบรารี RTClib by Adafruit ก่อนใช้งานผ่าน Library Manager ของ Arduino IDE #include <Wire.h> #include <RTClib.h> RTC_DS3231 rtc; void setup() { Serial.begin(9600); Wire.begin(); rtc.begin(); // ----- ตั้งเวลาเริ่มต้น (สำคัญมาก!) ----- // หากเป็นครั้งแรก ให้ยกเลิกคอมเมนต์บรรทัดล่างนี้เพื่อตั้งเวลาปัจจุบัน // จากนั้นคอมเมนต์กลับเหมือนเดิม แล้วอัปโหลดโค้ดอีกครั้ง // rtc.adjust(DateTime(F(__DATE__), F(__TIME__))); // ตรวจสอบว่าไฟเคยดับหรือไม่ if (rtc.lostPower()) { Serial.println("RTC lost power, let's set the time!"); // ตั้งเวลาเริ่มต้นหากไม่มีการตั้งค่ามาก่อน // rtc.adjust(DateTime(2025, 8, 7, 10, 0, 0)); } } void loop() { DateTime now = rtc.now(); Serial.print(now.year(), DEC); Serial.print('/'); Serial.print(now.month(), DEC); Serial.print('/'); Serial.print(now.day(), DEC); Serial.print(" "); Serial.print(now.hour(), DEC); Serial.print(':'); Serial.print(now.minute(), DEC); Serial.print(':'); Serial.println(now.second(), DEC); delay(1000); } ข้อควรจำ: บรรทัด rtc.adjust(...) ใช้สำหรับตั้งเวลาเริ่มต้นให้กับโมดูลเพียง "ครั้งเดียว" เท่านั้น หลังจากอัปโหลดโค้ดครั้งแรกเพื่อให้เวลาตรงแล้ว ให้ใส่คอมเมนต์ (//) นำหน้าบรรทัดนั้น แล้วอัปโหลดโค้ดอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เวลาถูกรีเซ็ตใหม่ทุกครั้งที่บอร์ดเริ่มทำงาน การใช้งานกับ Raspberry Pi ✅ การติดตั้งและตรวจสอบ เปิด Terminal และรันคำสั่งต่อไปนี้: sudo apt-get update sudo apt-get install i2c-tools python3-smbus จากนั้นตรวจสอบว่า Raspberry Pi มองเห็นโมดูลหรือไม่: sudo i2cdetect -y 1 หากการเชื่อมต่อถูกต้อง คุณจะเห็นเลข 0x68 ปรากฏบนตาราง ซึ่งเป็น I2C Address ของ DS3231 หลังจากนั้นสามารถใช้ไลบรารี Python เช่น adafruit-circuitpython-ds3231 เพื่อเขียนโปรแกรมอ่านและตั้งค่าเวลาได้ ไอเดียการประยุกต์ใช้งาน โปรเจกต์ การใช้งาน RTC Data Logger บันทึกค่าจากเซนเซอร์ต่างๆ พร้อมประทับเวลา (Timestamp) ที่แม่นยำ ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ตั้งเวลาเปิดไฟตอน 18:00 น. และปิดตอน 06:00 น. ของทุกวัน นาฬิกา DIY สร้างนาฬิกาดิจิทัลของตัวเองโดยแสดงผลบนจอ LCD หรือ OLED ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ สั่งให้ปั๊มน้ำทำงานตามเวลาที่กำหนดไว้ เช่น 07:00 น. และ 17:00 น. ระบบเตือนหรือนาฬิกาปลุก ตั้งเวลาเพื่อให้ Buzzer, LED หรืออุปกรณ์อื่นๆ ทำงานเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ข้อดีของ DS3231 แม่นยำสูงมาก เมื่อเทียบกับ RTC รุ่นยอดนิยมอย่าง DS1307 มีแบตเตอรี่สำรอง ทำให้เวลาเดินต่อเนื่องแม้ไม่มีไฟเลี้ยง ใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม ทั้ง Arduino, ESP32, Raspberry Pi และอื่นๆ สื่อสารผ่าน I2C ทำให้ประหยัดขาและสามารถต่ออุปกรณ์อื่นบนบัสเดียวกันได้
70.00 ฿ 50.00 ฿
-
Global Pi Shop โมดูล Active Buzzer Sensor สำหรับ Arduino Pi ESP
Active Buzzer คืออะไร? วิธีสร้างเสียงแจ้งเตือนด้วย Arduino Active Buzzer (แอคทีฟบัซเซอร์) คือ อุปกรณ์กำเนิดเสียงประเภทหนึ่งที่ใช้งานง่ายมาก โดยจุดเด่นของมันคือมีวงจรสร้างความถี่เสียง (Oscillator) อยู่ภายในตัว ทำให้เราไม่ต้องเขียนโค้ดที่ซับซ้อนเพื่อสร้างความถี่เสียงเอง เพียงแค่จ่ายไฟเลี้ยง 3.3V-5V หรือส่งสัญญาณลอจิก "HIGH" จากไมโครคอนโทรลเลอร์เข้าไป Buzzer ก็จะส่งเสียง "ปี๊บ" แหลมๆ ออกมาได้ทันที ความแตกต่างระหว่าง Active vs Passive Buzzer Active Buzzer (ตัวนี้): มีวงจรสร้างเสียงในตัว แค่จ่ายไฟก็ดังทันที เหมาะกับเสียงเตือนง่ายๆ ที่มีความถี่เดียว Passive Buzzer: ไม่มีวงจรในตัว เป็นแค่ตัวกำเนิดเสียงเปล่าๆ ผู้ใช้ต้องเขียนโค้ดสร้างสัญญาณความถี่ (PWM) จาก Arduino เพื่อป้อนให้มันถึงจะมีเสียง เหมาะกับการสร้างเสียงที่มีหลายระดับโน้ตดนตรี สเปคของ Active Buzzer Module รายการ รายละเอียด แรงดันใช้งาน 3.3V – 5V (เหมาะกับ Arduino โดยตรง) กระแสใช้งาน ประมาณ 20 mA ประเภท Active Buzzer (มีวงจรสร้างเสียงในตัว) ความถี่เสียง ~2 – 3 kHz (เสียงแหลมมาตรฐาน) ระดับเสียง ประมาณ 85 dB @ 10 ซม. รูปแบบขา แบบโมดูล 3 ขา (VCC, GND, I/O) สถานะเสียง ส่งเสียงเมื่อขาอินพุตเป็น HIGH (หรือ LOW ขึ้นอยู่กับรุ่น) การใช้งานกับ Arduino ✅ การต่อสาย (โมดูล A322) VCC (หรือ +) → ต่อกับขา 5V บนบอร์ด Arduino GND (หรือ -) → ต่อกับขา GND บนบอร์ด Arduino I/O (หรือ S) → ต่อกับขาดิจิทัล (Digital Pin) ขาใดก็ได้ เช่น D8 ✅ ตัวอย่างโค้ดใช้งานง่าย โค้ดนี้จะสั่งให้ Buzzer ส่งเสียงดัง 1 วินาที และเงียบ 1 วินาที สลับกันไป // กำหนดขาที่ต่อกับ I/O ของ Buzzer int buzzerPin = 8; void setup() { // ตั้งค่าให้ buzzerPin เป็น OUTPUT pinMode(buzzerPin, OUTPUT); } void loop() { // สั่งเปิดเสียง Buzzer digitalWrite(buzzerPin, HIGH); delay(1000); // เปิดเสียงค้างไว้ 1 วินาที // สั่งปิดเสียง Buzzer digitalWrite(buzzerPin, LOW); delay(1000); // หยุดพัก 1 วินาที } ไอเดียการประยุกต์ใช้งาน โปรเจกต์ รายละเอียดการใช้งาน ระบบแจ้งเตือนภัย ใช้เป็นเสียง Alarm เมื่อเซนเซอร์ควัน, แก๊ส, หรือความร้อนตรวจพบค่่าผิดปกติ เครื่องจับความเคลื่อนไหว ส่งเสียงเตือนเมื่อเซนเซอร์ PIR (Passive Infrared) ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ ระบบเตือนระดับน้ำ ส่งเสียงดังเมื่อเซนเซอร์วัดระดับน้ำตรวจพบว่าน้ำสูงถึงจุดที่กำหนด นาฬิกาปลุก DIY ใช้เป็นตัวกำเนิดเสียงสำหรับปลุกตามเวลาที่ตั้งไว้ เสียงแจ้งสถานะ ใช้ส่งเสียง "ปี๊บ"สั้นๆ เพื่อยืนยันการทำงาน เช่น กดรหัสผ่านถูก, สแกนบัตรสำเร็จ ข้อดีของ Active Buzzer ใช้งานง่ายที่สุด: แค่จ่ายไฟหรือส่งสัญญาณ HIGH ก็มีเสียงดังทันที โค้ดไม่ซับซ้อน: ไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งสร้างความถี่ (PWM) ที่ยุ่งยาก ราคาถูก: เป็นวิธีเพิ่มเสียงแจ้งเตือนให้โปรเจกต์ที่ประหยัดที่สุด อเนกประสงค์: เหมาะกับงานแจ้งเตือนทุกรูปแบบที่ต้องการเสียงความถี่เดียว
25.00 ฿ 12.00 ฿
-
Global Pi Shop Micro SD Card Module for arduino
Micro SD Card Module คืออะไร? วิธีบันทึกข้อมูลด้วย Arduino Micro SD Card Module คือโมดูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น บอร์ด Arduino สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนการ์ด Micro SD ได้โดยตรง ทำให้โปรเจกต์ของเราสามารถจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ เช่น ค่าที่อ่านจากเซนเซอร์ต่างๆ, การบันทึกเหตุการณ์ (Event Log), หรือแม้กระทั่งไฟล์รูปภาพและเสียง โมดูลนี้มักจะมีวงจรแปลงระดับแรงดันไฟฟ้า (Logic Level Shifter) ในตัว ทำให้สามารถทำงานกับบอร์ดที่ใช้ไฟ 5V ได้อย่างปลอดภัย และสื่อสารผ่านโปรโตคอลมาตรฐานที่เรียกว่า SPI (Serial Peripheral Interface) สเปคของ Micro SD Card Module แรงดันไฟเลี้ยง 3.3V – 5V (ใช้กับ Arduino ได้โดยตรง) อินเตอร์เฟส SPI (MISO, MOSI, SCK, CS) ความจุที่รองรับ การ์ด Micro SD สูงสุด 32GB (ฟอร์แมตแบบ FAT16 หรือ FAT32) ระดับแรงดันลอจิก มีวงจรแปลงระดับแรงดัน 5V → 3.3V ในตัว ขาเชื่อมต่อ VCC, GND, MISO, MOSI, SCK, CS ประเภทการ์ด รองรับการ์ด Micro SD และ Micro SDHC ขนาดมาตรฐาน การใช้งานกับ Arduino ✅ 1. การต่อสายกับ Arduino Uno ขาบน SD Module ขาบน Arduino Uno หน้าที่ VCC 5V ไฟเลี้ยงโมดูล GND GND กราวด์ MISO Pin 12 Master In Slave Out MOSI Pin 11 Master Out Slave In SCK Pin 13 Serial Clock CS Pin 10 Chip Select (สามารถเปลี่ยนเป็นขาอื่นได้) **สำหรับบอร์ดอื่น เช่น ESP32 หรือ Mega2560, ขา SPI อาจอยู่ตำแหน่งอื่น กรุณาตรวจสอบ Pinout ของบอร์ดที่ใช้งาน ✅ 2. ตัวอย่างโค้ด Arduino (บันทึกข้อความลงการ์ด) โค้ดนี้ใช้ไลบรารี SD.h ที่มาพร้อมกับ Arduino IDE เพื่อเขียนข้อความลงในไฟล์ชื่อ "data.txt" #include <SPI.h> #include <SD.h> // กำหนดขา Chip Select (CS) // หากต่อขา CS ไว้ที่ขาอื่น ให้เปลี่ยนเลขตรงนี้ const int chipSelect = 10; void setup() { // เริ่มการสื่อสารแบบ Serial เพื่อดูสถานะ Serial.begin(9600); Serial.print("Initializing SD card..."); // เริ่มต้นการทำงานของ SD Card if (!SD.begin(chipSelect)) { Serial.println("initialization failed!"); while (1); // วนลูปไม่รู้จบหากหาการ์ดไม่เจอ } Serial.println("initialization done."); // เปิดไฟล์ชื่อ data.txt เพื่อเขียนข้อมูล // FILE_WRITE คือโหมดการเขียน (จะสร้างไฟล์ใหม่หากยังไม่มี) File dataFile = SD.open("data.txt", FILE_WRITE); // ตรวจสอบว่าเปิดไฟล์ได้หรือไม่ if (dataFile) { // เขียนข้อความลงในไฟล์ dataFile.println("Hello, this is a test from Arduino!"); // ปิดไฟล์หลังเขียนเสร็จ dataFile.close(); Serial.println("Data saved successfully."); } else { // หากเปิดไฟล์ไม่ได้ Serial.println("Error opening data.txt"); } } void loop() { // ส่วนนี้จะทำงานวนไปเรื่อยๆ // สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อบันทึกค่าจากเซนเซอร์ทุกๆ 5 วินาที เป็นต้น } 📌 การประยุกต์ใช้งาน Data Logger: โปรเจกต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือการเก็บข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ (เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, GPS) ลงในการ์ดพร้อมประทับเวลา บันทึกเหตุการณ์ (Event Logging): ใช้บันทึกการทำงานของระบบ เช่น เวลาที่ประตูเปิด-ปิด, เวลาที่มีการเคลื่อนไหว, หรือ Error ที่เกิดขึ้น เก็บไฟล์ขนาดใหญ่: ใช้เก็บไฟล์ภาพจากกล้อง (เช่น ESP32-CAM), ไฟล์เสียง (WAV, MP3) สำหรับโปรเจกต์เครื่องเล่นเพลง, หรือไฟล์ตั้งค่าต่างๆ เก็บข้อมูลในรูปแบบมาตรฐาน: บันทึกข้อมูลเป็นไฟล์ CSV หรือ JSON เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อในคอมพิวเตอร์ได้ง่าย ⭐ ข้อดีของโมดูล ง่ายต่อการใช้งานกับ Arduino: มีไลบรารีมาตรฐาน (SD.h) รองรับ ทำให้เขียนโค้ดได้ไม่ซับซ้อน ใช้พลังงานต่ำ: เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ บันทึกข้อมูลได้มหาศาล: เมื่อเทียบกับหน่วยความจำภายในของ Arduino (EEPROM) ที่มีจำกัด เข้าถึงข้อมูลง่าย: สามารถถอด Micro SD Card ไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านหรือจัดการไฟล์ได้โดยตรง
25.00 ฿ 15.00 ฿
-
Global Pi Shop Breadboard 400 รู for Raspberry Pi และ arduino
Breadboard 400 รู: บอร์ดทดลองขนาดกะทัดรัดสำหรับทุกโปรเจกต์ Breadboard (เบรดบอร์ด) 400 รู คือแผ่นสำหรับทดลองวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบไม่ต้องบัดกรี (Solderless) ที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและโปรเจกต์ที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่น วงจรไฟกระพริบ, การอ่านค่าเซนเซอร์พื้นฐาน, หรือการควบคุม LED ด้วยปุ่มกด สามารถใช้สร้างวงจรต้นแบบ (Prototype) ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) จำนวนรูทั้งหมด 400 รู พื้นที่จ่ายไฟ (Power Rail) 2 แถวคู่ (บน-ล่าง), รวม 100 รู พื้นที่อุปกรณ์ (Terminal Strip) 300 รู ขนาดโดยประมาณ 8.2 x 5.5 ซม. วัสดุ พลาสติก ABS พร้อมเทปกาวด้านล่างสำหรับยึดติด คุณสมบัติพิเศษ มีรอยต่อด้านข้างสำหรับเชื่อมกับ Breadboard ชิ้นอื่นเพื่อขยายพื้นที่ การใช้งานกับ Raspberry Pi และ Arduino ต่อกับ Arduino ได้โดยตรง: บอร์ด Arduino ส่วนใหญ่ (เช่น UNO, Nano) มีขาแบบ Male Pin ที่สามารถใช้สาย Jumper แบบผู้-ผู้ (Male-to-Male) เชื่อมต่อมายัง Breadboard ได้ทันที ทำให้สะดวกอย่างยิ่ง ต่อกับ Raspberry Pi ผ่าน GPIO: สามารถเชื่อมต่อได้โดยใช้สาย Jumper แบบผู้-เมีย (Male-to-Female) หรือใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง T-Cobbler และสายแพ GPIO 40 pin เพื่อจำลองขา GPIO ทั้งหมดมาไว้บน Breadboard ทำให้ต่อวงจรได้ง่ายและเป็นระเบียบ ตัวอย่างโปรเจกต์ที่เหมาะสม โปรเจกต์ อุปกรณ์หลักที่ใช้ วงจรไฟกระพริบ LED + ตัวต้านทาน เซนเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น DHT11 / DHT22 + จอ OLED สวิตช์ควบคุมอุปกรณ์ ปุ่มกด (Push Button) + โมดูลรีเลย์ 5V ระบบแจ้งเตือนความชื้นในดิน Soil Moisture Sensor + Buzzer Smart Farm (เบื้องต้น) ใช้ร่วมกับ ESP32/ESP8266 เพื่อควบคุมผ่าน Wi-Fi ข้อดีของ Breadboard 400 รู ขนาดกะทัดรัด: ไม่เปลืองพื้นที่ เหมาะกับโต๊ะทำงานที่มีจำกัดและโปรเจกต์ขนาดเล็กถึงกลาง ไม่ต้องบัดกรี: สามารถแก้ไข, ปรับเปลี่ยน, หรือรื้อวงจรได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว เข้ากันได้ดี: ใช้งานได้กับไมโครคอนโทรลเลอร์ยอดนิยมทุกตระกูล ราคาถูก: เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่มีราคาไม่แพงและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ 📌 หมายเหตุ: หากโปรเจกต์ของคุณมีขนาดใหญ่และต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมาก เช่น เซนเซอร์หลายตัว, โมดูลรีเลย์หลายช่อง, จอแสดงผล, และปุ่มกดหลายปุ่ม การเลือกใช้ Breadboard ขนาด 830 รู หรือนำขนาด 400 รูมาต่อกัน 2 แผ่น อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
25.00 ฿ 15.00 ฿
-
Global Pi Shop Breadboard 830 รู for Raspberry Pi และ arduino
Breadboard 830 รู คืออะไร และใช้งานอย่างไร Breadboard (เบรดบอร์ด) หรือที่เรียกกันว่า "บอร์ดทดลอง" คืออุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับนักประดิษฐ์และผู้ที่ชื่นชอบงานอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เป็นแผงวงจรชั่วคราวที่เราสามารถเสียบอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ตัวต้านทาน, LED, IC, เซนเซอร์ หรือเชื่อมต่อสายไฟเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดาย **โดยไม่จำเป็นต้องบัดกรี** ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนและแก้ไขวงจรได้อย่างรวดเร็ว สำหรับรุ่น 830 รู เป็นเบรดบอร์ดขนาดกลางถึงใหญ่ที่ได้รับความนิยมสูง มีพื้นที่เพียงพอสำหรับโปรเจกต์ที่ซับซ้อนขึ้น ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์และสายไฟจำนวนมาก เหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับไมโครคอนโทรลเลอร์อย่าง Arduino, ESP32, NodeMCU หรือแม้กระทั่ง Raspberry Pi โครงสร้างของ Breadboard 830 รู แผงจ่ายไฟ (Power Rails) โดยทั่วไปจะอยู่บริเวณขอบบนและขอบล่างของบอร์ด มีสัญลักษณ์เส้นสีแดง (+) และสีน้ำเงิน/ดำ (-) กำกับไว้ รูทั้งหมดในแนวนอนของแต่ละเส้นจะเชื่อมต่อถึงกัน เหมาะสำหรับใช้เป็นจุดจ่ายไฟหลักของวงจร เช่น ต่อไฟ 5V หรือ 3.3V เข้ากับแถบสีแดง (+) และต่อกราวด์ (GND) เข้ากับแถบสีน้ำเงิน (-) พื้นที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ (Terminal Strips) เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ตรงกลางของบอร์ด การเชื่อมต่อของรูในส่วนนี้จะแตกต่างจากแผงจ่ายไฟ โดยรูจำนวน 5 รูในแนวตั้งของแต่ละคอลัมน์จะเชื่อมต่อถึงกัน ใช้สำหรับเสียบขาของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ขาของ LED, ตัวต้านทาน, ขาเซนเซอร์ หรือ IC เพื่อให้เชื่อมต่อกันในวงจรตามที่เราออกแบบ ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) จำนวนรูทั้งหมด 830 รู พื้นที่จ่ายไฟ (Power Rail) 2 แถวคู่ (บน-ล่าง), รวม 200 รู พื้นที่อุปกรณ์ (Terminal Strip) 630 รู ขนาดโดยประมาณ 16.5 x 5.5 ซม. แรงดันไฟฟ้าที่รองรับ โดยทั่วไปแนะนำไม่เกิน 5V (เหมาะสำหรับ Arduino/Raspberry Pi) กระแสไฟฟ้าที่รองรับ ประมาณ 300 - 500 mA ต่อหนึ่งแถวเชื่อมต่อ คุณสมบัติพิเศษ ด้านล่างมีเทปกาวสองหน้าสำหรับยึดติดกับฐานหรือชิ้นงาน มีรอยต่อด้านข้างสำหรับเชื่อมต่อกับเบรดบอร์ดชิ้นอื่นเพื่อขยายพื้นที่ การใช้งานร่วมกับ Raspberry Pi แม้ว่าบอร์ด Raspberry Pi จะไม่มีขาที่เสียบลงบน Breadboard ได้โดยตรงเหมือน Arduino แต่เราสามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายผ่าน 2 วิธีหลัก: สาย Jumper (Male-to-Female): ใช้สายจัมเปอร์หัวผู้-เมีย เสียบจากขา GPIO บน Raspberry Pi มายังรูบน Breadboard โดยตรง T-Cobbler และสายแพ GPIO: เป็นวิธีที่นิยมและสะดวกที่สุด โดยใช้ T-Cobbler เสียบลงบน Breadboard ซึ่งจะจำลองขา GPIO ทั้งหมดของ Raspberry Pi มาไว้บนบอร์ด ทำให้ต่อวงจรได้ง่ายและเป็นระเบียบ ตัวอย่างการใช้งาน Breadboard 830 รู เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่หลากหลาย เช่น: วงจรควบคุม LED และปุ่มกดพื้นฐาน เชื่อมต่อและอ่านค่าจากเซนเซอร์ต่างๆ (เช่น เซนเซอร์อุณหภูมิ DHT11, เซนเซอร์แก๊ส MQ-2, เซนเซอร์วัดความชื้นในดิน) ทดลองวงจรขับมอเตอร์ด้วย IC Driver สร้างโปรเจกต์ IoT, Smart Farm, หรือระบบเตือนภัยต้นแบบก่อนนำไปทำแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) จริง
45.00 ฿ 25.00 ฿
-
Global Pi Shop OLED i2c for Arduino
OLED I2C คืออะไร? วิธีใช้งานกับ Arduino OLED (Organic Light-Emitting Diode) คือเทคโนโลยีจอแสดงผลที่แต่ละพิกเซลสามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวเอง โดยใช้หลอด LED ขนาดเล็กจำนวนมากในการสร้างภาพ ทำให้ไม่ต้องอาศัยไฟส่องสว่างจากด้านหลัง (Backlight) เหมือนจอ LCD ทั่วไป ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพที่คมชัด มี Contrast สูง และประหยัดพลังงานกว่า สำหรับงาน DIY กับ Arduino จอ OLED มักจะมาในรูปแบบโมดูลขนาดเล็ก (เช่น 0.96 นิ้ว หรือ 1.3 นิ้ว) และนิยมใช้การสื่อสารแบบ I2C (Inter-Integrated Circuit) ซึ่งใช้สายสัญญาณเพียง 2 เส้น (SDA และ SCL) ทำให้การต่อวงจรนั้นง่ายและประหยัดขาของไมโครคอนโทรลเลอร์อย่างมาก สเปคของ OLED I2C Module (0.96 นิ้ว) ขนาดจอ 0.96 นิ้ว (หรือ 1.3 นิ้ว) ความละเอียด 128x64 พิกเซล (หรือ 128x32) สีที่แสดง โมโนโครม (ส่วนใหญ่เป็นสีขาว, ฟ้า, หรือเหลือง) แรงดันไฟเลี้ยง 3.3V – 5V (ใช้กับ Arduino ได้โดยตรง) โปรโตคอลสื่อสาร I2C (ขา SDA / SCL) ชิปควบคุมจอ SSD1306 (เป็นรุ่นที่นิยมที่สุด) จำนวนขา 4 ขา: VCC, GND, SDA, SCL กระแสที่ใช้ น้อยมาก (ประมาณ 20mA) การใช้งานกับ Arduino การเริ่มต้นใช้งานจอ OLED กับ Arduino มี 3 ขั้นตอนหลักๆ คือ ติดตั้งไลบรารี, ต่อสาย, และอัปโหลดโค้ด ✅ 1. การติดตั้งไลบรารี (Library Installation) ก่อนจะเขียนโค้ดได้ เราต้องติดตั้งไลบรารีที่จำเป็นก่อนผ่านโปรแกรม Arduino IDE: ไปที่เมนู Tools > Manage Libraries... ในช่องค้นหา พิมพ์ "Adafruit SSD1306" แล้วกด Install โปรแกรมจะถามให้ติดตั้งไลบรารีที่เกี่ยวข้อง (Dependencies) คือ "Adafruit GFX Library" ให้กด Install all ✅ 2. การต่อสาย (กับ Arduino Uno/Nano) ขาบนจอ OLED ต่อกับขาบน Arduino VCC 5V GND GND SDA A4 SCL A5 (หมายเหตุ: หากใช้บอร์ดรุ่นอื่น เช่น ESP8266/ESP32 ตำแหน่งของขา SDA/SCL อาจแตกต่างออกไป กรุณาตรวจสอบ Pinout ของบอร์ดนั้นๆ) ✅ 3. ตัวอย่างโค้ดแสดงข้อความ โค้ดนี้จะแสดงคำว่า "Hello!" บนจอ OLED: #include <Wire.h> #include <Adafruit_GFX.h> #include <Adafruit_SSD1306.h> // กำหนดขนาดจอ #define SCREEN_WIDTH 128 #define SCREEN_HEIGHT 64 // สร้าง object ของจอ โดยระบุขนาดและขา I2C // -1 หมายถึงใช้ขา Reset ของ Hardware Adafruit_SSD1306 display(SCREEN_WIDTH, SCREEN_HEIGHT, &Wire, -1); void setup() { Serial.begin(9600); // เริ่มต้นการทำงานของจอ ที่ I2C address 0x3C if (!display.begin(SSD1306_SWITCHCAPVCC, 0x3C)) { Serial.println(F("SSD1306 allocation failed")); for (;;); // วนลูปไม่รู้จบหากหาจอไม่เจอ } // ล้างค่าในหน้าจอ display.clearDisplay(); // ตั้งค่าการแสดงผล display.setTextSize(2); // ขนาดตัวอักษร display.setTextColor(SSD1306_WHITE); // สีตัวอักษร display.setCursor(0, 10); // ตำแหน่งเริ่มต้น (x, y) // พิมพ์ข้อความลงใน buffer display.println("Hello!"); // แสดงผลจาก buffer ออกมาที่หน้าจอจริง display.display(); } void loop() { // ไม่ต้องทำอะไรใน loop เพราะข้อความจะค้างอยู่บนจอ } หมายเหตุ: I2C Address ของจอ OLED ส่วนใหญ่คือ 0x3C แต่บางรุ่นอาจเป็น 0x3D หากโค้ดไม่ทำงาน ให้ลองเปลี่ยนค่าในบรรทัด display.begin(...) ดู การประยุกต์ใช้งาน แสดงค่าที่อ่านได้จากเซนเซอร์ต่างๆ เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, คุณภาพอากาศ (ค่าฝุ่น PM2.5) ใช้เป็นหน้าจอสำหรับสร้างเมนู เพื่อควบคุมการทำงานของโปรเจกต์ แสดงสถานะการทำงานของระบบ เช่น สถานะการเชื่อมต่อ Wi-Fi, IP Address, หรือข้อความแจ้งเตือน สร้างนาฬิกาดิจิทัล, ตัวนับเวลา, หรือสกอร์บอร์ดขนาดเล็ก ข้อดีของ OLED I2C ภาพคมชัดมาก: เนื่องจากแต่ละพิกเซลเปล่งแสงเอง ทำให้มี Contrast สูง ตัวหนังสือคมชัดแม้มองในที่มืด ประหยัดพลังงาน: เพราะไม่ต้องใช้ไฟ Backlight เหมือนจอ LCD พิกเซลสีดำคือการ "ไม่เปล่งแสง" จึงกินไฟน้อยมาก ใช้สายน้อย: การสื่อสารแบบ I2C ใช้เพียง 2 เส้น (SDA, SCL) ทำให้เหลือขา GPIO ของ Arduino ไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่นได้อีกเยอะ
80.00 ฿ 60.00 ฿
-
Global Pi Shop บอร์ด ESP32 WI-fI แบบ USB Type C
ESP32 คืออะไร? บอร์ด IoT ทรงพลังพร้อม Wi-Fi + Bluetooth ในตัว ESP32 คือบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ประสิทธิภาพสูงจากบริษัท Espressif Systems ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจาก ESP8266 ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีความสามารถที่เหนือกว่าในหลายๆ ด้าน ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับโปรเจกต์ที่ซับซ้อนและต้องการประสิทธิภาพสูง มีทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth (BLE) ในตัวชิปเดียว มี CPU แบบ Dual-Core ทำให้ประมวลผลได้รวดเร็วและรองรับงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multi-threading) มีหน่วยความจำและจำนวนขา GPIO มากกว่า ESP8266 สามารถเขียนโปรแกรมได้หลายรูปแบบ ทั้งผ่าน Arduino IDE, MicroPython, หรือ ESP-IDF ในปัจจุบัน บอร์ด ESP32 รุ่นใหม่ๆ ได้เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type-C ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ ทนทานกว่า และใช้สายร่วมกับอุปกรณ์สมัยใหม่ได้ทันที สเปคของ ESP32 (ทั่วไป) ชิปหลัก ESP32 (มีหลายรุ่น เช่น ESP32-WROOM-32, S2, C3, S3) ซีพียู Dual-core Xtensa LX6 @ 240MHz Wi-Fi 802.11 b/g/n (2.4GHz) Bluetooth Bluetooth 4.2 + BLE (บางรุ่นรองรับ BT 5.0) หน่วยความจำ Flash 4MB หรือมากกว่า SRAM ประมาณ 520KB แรงดันใช้งาน 3.3V (แต่รับไฟผ่าน USB 5V ได้ มีเรกูเลเตอร์ในตัว) GPIO สูงสุด ~30 ขา (ขึ้นอยู่กับรุ่นของบอร์ด) Analog Input (ADC) สูงสุด 18 ช่อง (ความละเอียด 12-bit) Analog Output (DAC) 2 ช่อง (ความละเอียด 8-bit) การสื่อสาร UART, I2C, SPI, PWM, CAN, IR และอื่นๆ พอร์ต USB USB Type-C สำหรับอัปโหลดโปรแกรมและจ่ายไฟ รองรับแบตเตอรี่ บางรุ่นมีวงจรชาร์จแบตเตอรี่ Li-ion ในตัว การใช้งาน ESP32 ✅ เหมาะกับงานประเภทไหน? ด้วยความสามารถที่ครบครัน ESP32 จึงเหมาะอย่างยิ่งกับงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะ: Internet of Things (IoT): เช่น การควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่าน Wi-Fi หรือการส่งข้อมูลเซนเซอร์ขึ้น Cloud Smart Home: เช่น ระบบเปิด-ปิดไฟ, ระบบวัดอุณหภูมิและความชื้น, การควบคุมผ่านแอปพลิเคชันมือถือ การสื่อสารผ่าน Bluetooth: เช่น การรับส่งข้อมูลกับสมาร์ทโฟน, อุปกรณ์สวมใส่ (Wearables), หรือ Bluetooth Beacon โปรโตคอลเครือข่ายขั้นสูง: รองรับ ESP-NOW, MQTT, HTTP, WebSocket ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อกับบริการ Cloud: สามารถทำงานร่วมกับ Firebase, LINE Notify, Blynk, Telegram, AWS IoT, และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ✅ ตัวอย่างการใช้งานยอดนิยม วัดอุณหภูมิ-ความชื้นด้วย DHT11/DHT22 แล้วส่งข้อมูลขึ้นเว็บหรือ LINE ควบคุมหลอดไฟหรือรีเลย์ผ่าน Web Server หรือแอปพลิเคชัน Blynk สร้างจอแสดงผลไร้สายโดยส่งข้อมูลไปยังจอ OLED/LCD ทำหน้าที่เป็น Wi-Fi Hotspot หรือ Web Server ขนาดเล็ก โปรเจกต์ด้าน AI/Machine Learning ขนาดเล็ก (บางรุ่นรองรับกล้องและ TensorFlow Lite) ตัวอย่างโค้ด: สร้าง Web Server บน ESP32 โค้ดนี้จะทำให้ ESP32 ของคุณเชื่อมต่อ Wi-Fi และสร้างหน้าเว็บที่แสดงข้อความ "สวัสดีจาก ESP32!" เมื่อเข้าถึงผ่านเบราว์เซอร์ #include <WiFi.h> // --- กรุณาแก้ไขชื่อและรหัสผ่าน Wi-Fi ของคุณ --- const char* ssid = "YOUR_WIFI_NAME"; const char* password = "YOUR_WIFI_PASSWORD"; // ------------------------------------------ WiFiServer server(80); // สร้าง Server ที่ Port 80 void setup() { Serial.begin(115200); // เริ่มต้นการเชื่อมต่อ Wi-Fi WiFi.begin(ssid, password); while (WiFi.status() != WL_CONNECTED) { delay(500); Serial.print("."); } Serial.println("\nWiFi connected!"); // แสดง IP Address ที่ได้รับ Serial.print("IP Address: "); Serial.println(WiFi.localIP()); // เริ่มต้น Web Server server.begin(); } void loop() { WiFiClient client = server.available(); if (client) { // ส่งข้อมูล HTML กลับไปให้ Client client.println("HTTP/1.1 200 OK"); client.println("Content-Type: text/html; charset=utf-8"); client.println("Connection: close"); client.println(); client.println("<!DOCTYPE HTML>"); client.println("<html>"); client.println("<head><meta charset='utf-8'></head>"); client.println("<body><h1>สวัสดีจาก ESP32!</h1></body>"); client.println("</html>"); delay(1); client.stop(); } } 📌 ข้อดีของรุ่นที่เป็น USB Type-C เสียบง่าย: ไม่ต้องกังวลเรื่องการเสียบกลับด้าน ลดความเสียหายของพอร์ต รองรับกระแสไฟได้ดี: เหมาะสำหรับบอร์ดที่ต้องการพลังงานสูง สะดวกสบาย: สามารถใช้สายชาร์จร่วมกับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ได้เลย
200.00 ฿ 155.00 ฿
-
Global Pi Shop USB 2.0 A to B Male Cable, 1m Grey
สาย USB 2.0 A Male to B Male Cable, 1 เมตร (สีเทา) สายเคเบิล USB 2.0 คุณภาพดี สำหรับเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ (พอร์ต USB-A) กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ใช้พอร์ต USB-B เป็นสายเคเบิลมาตรฐานที่พบได้ทั่วไปและจำเป็นสำหรับอุปกรณ์หลายชนิด การใช้งาน (Applications) สายชนิดนี้เหมาะสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น: เครื่องปริ้นเตอร์ (Printers) และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน สแกนเนอร์ (Scanners) บอร์ดพัฒนา (Development Boards) เช่น Arduino UNO R3, Arduino Mega 2560 ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก (External Hard Drives) บางรุ่น อุปกรณ์เสียง (Audio Interfaces) และ MIDI Controller ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภทการเชื่อมต่อ USB 2.0 หัวต่อฝั่งที่ 1 USB Type-A (ตัวผู้ / Male) หัวต่อฝั่งที่ 2 USB Type-B (ตัวผู้ / Male) ความยาว 1 เมตร สี เทา (Grey)
55.00 ฿
-
Global Pi Shop Micro Switch Button 6x6x7mm
ไมโครสวิตช์ปุ่มกด (Tactile Switch) 6x6x7mm ไมโครสวิตช์ (Micro Switch) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Tactile Switch คือสวิตช์ปุ่มกดขนาดเล็กที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในงานอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เป็นอินพุตสำหรับรับคำสั่งจากผู้ใช้ การทำงานเป็นแบบ "กดติด-ปล่อยดับ" (Momentary) คือวงจรจะเชื่อมต่อกันเฉพาะตอนที่ปุ่มถูกกดค้างไว้ และจะตัดการเชื่อมต่อทันทีเมื่อปล่อยมือ คุณสมบัติเด่น (Key Features) ขนาดมาตรฐาน: ขนาด 6x6 มม. ทำให้เสียบลงบนบอร์ดทดลอง (Breadboard) ได้พอดี ให้ความรู้สึกตอบสนอง: มีเสียง "คลิก" เบาๆ เมื่อกด ทำให้ผู้ใช้รับรู้ได้ว่าปุ่มทำงานแล้ว ใช้งานง่าย: เป็นสวิตช์พื้นฐานที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้วงจรดิจิทัล อเนกประสงค์: สามารถใช้เป็นปุ่ม Reset, ปุ่มเลือกเมนู, หรือปุ่มควบคุมทั่วไปได้ ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภท ไมโครสวิตช์ / Tactile Switch / Push Button การทำงาน กดติด-ปล่อยดับ (Momentary NO - Normally Open) ขนาดฐาน 6 x 6 มม. ความสูงรวม 7 มม. (รวมก้านกด) จำนวนขา 4 ขา หลักการทำงานของสวิตช์ 4 ขา ภายในสวิตช์ ขาที่อยู่ตรงข้ามกันในแนวทแยงจะเชื่อมต่อกันอยู่แล้ว เมื่อปุ่มถูกกด วงจรภายในจะเชื่อมต่อขาฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเข้าด้วยกัน ทำให้ขาทั้ง 4 ขาเชื่อมถึงกันทั้งหมด เราจึงสามารถต่อวงจรโดยใช้ขาฝั่งหนึ่งเป็น Input และอีกฝั่งเป็น Output ได้ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน ใช้เป็นปุ่มกดรับคำสั่งในโปรเจกต์ Arduino, ESP32, Raspberry Pi เป็นปุ่ม Reset สำหรับไมโครคอนโทรลเลอร์ ใช้ในวงจร Debounce เพื่อเรียนรู้การเขียนโปรแกรมควบคุมปุ่มกด เป็นปุ่มควบคุมในเกม DIY หรือเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ใช้เป็นส่วนประกอบในการซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
2.00 ฿
-
สินค้าเหลือจำนวนจำกัด! Global Pi Shop Jump Wire (Male to Female) 20cm.
สายจัมเปอร์ (Jumper Wire) ตัวผู้-ตัวเมีย ยาว 20 ซม. (40 เส้น) สายจัมเปอร์ หรือสายไฟเชื่อมต่อวงจร เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานด้านอิเล็กทรอนิกส์และการสร้างวงจรต้นแบบ (Prototyping) สายแพชุดนี้เป็นแบบ **ตัวผู้-ตัวเมีย (Male to Female)** มาพร้อมกัน 40 เส้น และสามารถฉีกแบ่งออกมาใช้งานทีละเส้นได้ตามต้องการ การใช้งาน (Applications) สายแบบ Male to Female เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อระหว่าง: ขา GPIO ของบอร์ด Raspberry Pi (ซึ่งเป็นขาตัวผู้) กับบอร์ดทดลอง (Breadboard) โมดูลเซนเซอร์ที่มีขาเป็น Pin Header ตัวผู้ กับบอร์ดทดลอง เชื่อมต่อระหว่างบอร์ด Arduino ที่มีช่องเสียบตัวเมียกับอุปกรณ์อื่นๆ ใช้ในงานซ่อมแซมหรือทดลองวงจรทั่วไป ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภทหัวต่อ ตัวผู้ - ตัวเมีย (Male to Female) ความยาว 20 เซนติเมตร จำนวน 1 แถบ (40 เส้น) สี คละสี (ช่วยให้ง่ายต่อการแยกสายสัญญาณ) ระยะห่างพิน (Pitch) 2.54 มม. (มาตรฐาน)
49.00 ฿
-
Global Pi Shop NRF24L01 Module
NRF24L01: โมดูลสื่อสารไร้สาย 2.4GHz NRF24L01 คือโมดูลรับ-ส่งสัญญาณไร้สาย (Transceiver) แบบ Single-chip ที่ทำงานบนย่านความถี่ 2.4-2.5GHz ซึ่งเป็นย่าน ISM ที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องขอใบอนุญาต เป็นโมดูลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโปรเจกต์ Arduino และ Embedded Systems ต่างๆ เนื่องจากมีราคาถูก, ประหยัดพลังงาน, และใช้งานง่าย คุณสมบัติเด่น (Key Features) ความเร็วสูง: สามารถตั้งค่าความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 2Mbps ทำให้ใช้เวลาส่งข้อมูลในอากาศสั้นมาก ลดโอกาสการชนกันของสัญญาณ ประหยัดพลังงานมาก (Low Power): ใช้กระแสไฟต่ำมาก เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ รองรับการสื่อสารหลายจุด: มีช่องสัญญาณให้เลือกใช้ถึง 125 ช่อง และรองรับการรับข้อมูลได้พร้อมกัน 6 ช่องสัญญาณ ทำให้สร้างเครือข่ายเซนเซอร์ไร้สายได้ ขนาดกะทัดรัด: มีขนาดเล็กเพียง 15x29 มม. พร้อมเสาอากาศในตัว (On-board Antenna) จัดการโปรโตคอลในตัว: มีฟังก์ชันจัดการการสื่อสารระดับสูงในตัว เช่น การส่งแพ็คเก็ตข้อมูลซ้ำอัตโนมัติเมื่อเกิดข้อผิดพลาด (Auto re-transmit) และการส่งสัญญาณตอบรับ (Auto-acknowledge) ช่วยลดภาระของไมโครคอนโทรลเลอร์ เชื่อมต่อง่ายผ่าน SPI: สามารถเชื่อมต่อกับไมโครคอนโทรลเลอร์ผ่านอินเทอร์เฟซ SPI ได้โดยตรง ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ย่านความถี่ 2.4 - 2.5 GHz (ISM Band) แรงดันไฟฟ้าใช้งาน 1.9V – 3.6V อัตราการส่งข้อมูล 250kbps, 1Mbps, 2Mbps (ตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์) ระยะทำการ สูงสุดประมาณ 100 เมตรในที่โล่ง อินเทอร์เฟซ SPI (Serial Peripheral Interface) ขนาด ประมาณ 15 x 29 มม. (รวมเสาอากาศ) ข้อควรระวังที่สำคัญในการใช้งาน โมดูล NRF24L01 ทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 1.9V - 3.6V เท่านั้น (เป็นอุปกรณ์ 3.3V) ห้ามต่อขา VCC เข้ากับไฟ 5V ของ Arduino โดยตรง เพราะจะทำให้โมดูลเสียหายถาวรได้ ควรต่อกับขา 3.3V ของ Arduino ขา SPI (MOSI, MISO, SCK, CSN, CE) ก็เป็น Logic 3.3V เช่นกัน หากใช้กับบอร์ด 5V เช่น Arduino Uno ควรใช้วงจรแปลงระดับแรงดัน (Logic Level Shifter) หรือใช้อะแดปเตอร์สำหรับ NRF24L01 ที่มีวงจรแปลงแรงดันในตัว เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพในการทำงาน การประยุกต์ใช้งาน สร้างระบบควบคุมหุ่นยนต์หรือรถบังคับไร้สาย สร้างเครือข่ายเซนเซอร์ไร้สาย (Wireless Sensor Network) สำหรับ Smart Farm หรือ Smart Home ส่งข้อมูลระหว่างบอร์ด Arduino สองตัวหรือมากกว่า ทำรีโมทคอนโทรลสำหรับโปรเจกต์ต่างๆ ระบบแจ้งเตือนหรือติดตามแบบไร้สาย
39.00 ฿