สินค้าทั้งหมด (All products)
-
Global Byte Shop Relay Module 5V 1/2/4 Channel for Arduino and Raspberry pi
Relay คืออะไร? การใช้งานและตัวอย่างการต่อกับ Arduino Relay (รีเลย์) คือ อุปกรณ์ประเภทสวิตช์ไฟฟ้าที่ทำงานโดยอาศัยหลักการของแม่เหล็กไฟฟ้า เราสามารถใช้สัญญาณไฟฟ้าแรงดันต่ำ (เช่น 5V จาก Arduino) เพื่อควบคุมการเปิด-ปิดวงจรไฟฟ้าที่มีแรงดันและกระแสสูงกว่ามาก (เช่น ไฟบ้าน 220V) ได้อย่างปลอดภัย ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในงานอิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุมอัตโนมัติ คุณสมบัติของ Relay Module ควบคุมไฟแรงสูง: สามารถใช้สัญญาณไฟ 5V จาก Arduino ควบคุมอุปกรณ์ที่ใช้ไฟ 220V AC ได้ ทนกระแสสูง: โดยทั่วไปโมดูลรีเลย์สำหรับ Arduino สามารถทนกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 10A มีหลาย Channel: มีให้เลือกใช้งานหลากหลายตามจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการควบคุม เช่น 1, 2, 4, หรือ 8 Channel ปลอดภัยด้วย Optocoupler: โมดูลรีเลย์บางรุ่นจะมี Optocoupler (หรือ Photo-coupler) เพื่อแยกวงจรฝั่งควบคุม (Arduino) และฝั่งโหลด (ไฟ 220V) ออกจากกันโดยเด็ดขาด เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานและบอร์ด Arduino สเปคของ Relay 5V Module รายการ รายละเอียด แรงดันควบคุม (Input) 5V DC (จากขาของ Arduino) แรงดันโหลด (Output) สูงสุด ~250V AC หรือ 30V DC กระแสโหลดสูงสุด (Max Load) 10A จำนวนช่อง (Channel) 1, 2, 4, 8 (ขึ้นอยู่กับรุ่น) Logic ควบคุม ส่วนใหญ่เป็น Active LOW (ส่งสัญญาณ LOW เพื่อเปิด) Optocoupler มีในบางรุ่น (แนะนำให้ใช้รุ่นที่มี) ขา Output NO (Normally Open), NC (Normally Closed), COM (Common) การใช้งาน Relay กับ Arduino การต่อสาย (ฝั่งควบคุม) ตัวอย่างการต่อโมดูลรีเลย์ 1 Channel: VCC → ต่อเข้ากับขา 5V จาก Arduino GND → ต่อเข้ากับขา GND จาก Arduino IN1
15.00 ฿ - 90.00 ฿
-
Global Byte Shop Grove Base Kit for Raspberry Pi
ชุดเริ่มต้นเรียนรู้ Raspberry Pi ที่ง่ายที่สุดด้วย Grove Base Kit ก้าวเข้าสู่โลกของ Raspberry Pi ได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมด้วย Grove Base Kit for Raspberry Pi ชุดคิทที่ออกแบบมาสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน, ครู, ศิลปิน, หรือผู้ที่หลงใหลในฮาร์ดแวร์ ชุดนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเริ่มต้นสร้างสรรค์โปรเจกต์กับ Raspberry Pi ได้อย่างง่ายดาย ด้วยระบบคอนเนคเตอร์ของ Grove ทำให้การต่อวงจรเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องใช้ Breadboard หรือหัวแร้งบัดกรี เพียงแค่เสียบสายก็พร้อมใช้งานได้ทันที มาพร้อมคู่มือและบทเรียนออนไลน์ เราได้จัดเตรียมคู่มือการใช้งาน Raspberry Pi และโมดูลแต่ละตัวไว้อย่างละเอียด ประกอบด้วย 8 บทเรียน ที่คุณสามารถเข้าไปดูได้ที่แท็บ LEARN และยังมีวิดีโอสอนการใช้งานชุดคิทนี้แบบทีละขั้นตอนอีกด้วย อุปกรณ์ทั้งหมดในชุด (Part List) Grove Base Hat for Raspberry Pi Grove - Red LED Button Grove - Buzzer Grove - Moisture Sensor Grove - Temperature & Humidity Sensor (DHT11) Grove - Light Sensor Grove - mini PIR motion sensor Grove - Ultrasonic Ranger Grove - Relay Grove - Servo Grove - 16 x 2 LCD (White on Blue)
1,800.00 ฿
-
Global Byte Shop Pin Header Single Row 40 Pin
Pin Header แถวเดียว 40 ขา (ตัวผู้) ระยะ 2.54mm Pin Header หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ก้างปลา" เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้สำหรับสร้างจุดเชื่อมต่อแบบเสียบลงบนแผงวงจรต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบน Breadboard, Protoboard, บอร์ด Arduino, Raspberry Pi หรือบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์อื่นๆ รุ่นนี้เป็นแบบแถวเดียว มีจำนวน 40 ขา (ตัวผู้) และมีระยะห่างระหว่างขามาตรฐานที่ 2.54 มม. คุณสมบัติ (Features) จำนวน 40 ขา ในแถวเดียว ชนิด: ตัวผู้ (Male) ระยะห่างระหว่างขา (Pitch): 2.54 มม. (0.1 นิ้ว) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล เหมาะสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับบอร์ดทดลอง สามารถหักหรือตัดแบ่งจำนวนขาได้ตามที่ต้องการใช้งาน ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภท Pin Header / Male Header จำนวนขา 40 ขา จำนวนแถว 1 แถว (Single Row) ระยะห่างระหว่างขา (Pitch) 2.54 มม. (0.1 นิ้ว) การใช้งานเบื้องต้น Pin Header ตัวผู้มักถูกบัดกรีเข้ากับแผงวงจร (PCB) หรือเสียบลงบน Breadboard เพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อสำหรับสายจัมเปอร์, หัวต่อตัวเมีย (Female Header), หรืออุปกรณ์อื่นๆ ทำให้การสร้างวงจรต้นแบบและการทดลองเป็นเรื่องง่ายและสะดวก
20.00 ฿
-
Global Byte Shop Micro SD Card Module for arduino
Micro SD Card Module คืออะไร? วิธีบันทึกข้อมูลด้วย Arduino Micro SD Card Module คือโมดูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น บอร์ด Arduino สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนการ์ด Micro SD ได้โดยตรง ทำให้โปรเจกต์ของเราสามารถจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากได้ เช่น ค่าที่อ่านจากเซนเซอร์ต่างๆ, การบันทึกเหตุการณ์ (Event Log), หรือแม้กระทั่งไฟล์รูปภาพและเสียง โมดูลนี้มักจะมีวงจรแปลงระดับแรงดันไฟฟ้า (Logic Level Shifter) ในตัว ทำให้สามารถทำงานกับบอร์ดที่ใช้ไฟ 5V ได้อย่างปลอดภัย และสื่อสารผ่านโปรโตคอลมาตรฐานที่เรียกว่า SPI (Serial Peripheral Interface) สเปคของ Micro SD Card Module แรงดันไฟเลี้ยง 3.3V – 5V (ใช้กับ Arduino ได้โดยตรง) อินเตอร์เฟส SPI (MISO, MOSI, SCK, CS) ความจุที่รองรับ การ์ด Micro SD สูงสุด 32GB (ฟอร์แมตแบบ FAT16 หรือ FAT32) ระดับแรงดันลอจิก มีวงจรแปลงระดับแรงดัน 5V → 3.3V ในตัว ขาเชื่อมต่อ VCC, GND, MISO, MOSI, SCK, CS ประเภทการ์ด รองรับการ์ด Micro SD และ Micro SDHC ขนาดมาตรฐาน การใช้งานกับ Arduino ✅ 1. การต่อสายกับ Arduino Uno ขาบน SD Module ขาบน Arduino Uno หน้าที่ VCC 5V ไฟเลี้ยงโมดูล GND GND กราวด์ MISO Pin 12 Master In Slave Out MOSI Pin 11 Master Out Slave In SCK Pin 13 Serial Clock CS Pin 10 Chip Select (สามารถเปลี่ยนเป็นขาอื่นได้) **สำหรับบอร์ดอื่น เช่น ESP32 หรือ Mega2560, ขา SPI อาจอยู่ตำแหน่งอื่น กรุณาตรวจสอบ Pinout ของบอร์ดที่ใช้งาน ✅ 2. ตัวอย่างโค้ด Arduino (บันทึกข้อความลงการ์ด) โค้ดนี้ใช้ไลบรารี SD.h ที่มาพร้อมกับ Arduino IDE เพื่อเขียนข้อความลงในไฟล์ชื่อ "data.txt" #include <SPI.h> #include <SD.h> // กำหนดขา Chip Select (CS) // หากต่อขา CS ไว้ที่ขาอื่น ให้เปลี่ยนเลขตรงนี้ const int chipSelect = 10; void setup() { // เริ่มการสื่อสารแบบ Serial เพื่อดูสถานะ Serial.begin(9600); Serial.print("Initializing SD card..."); // เริ่มต้นการทำงานของ SD Card if (!SD.begin(chipSelect)) { Serial.println("initialization failed!"); while (1); // วนลูปไม่รู้จบหากหาการ์ดไม่เจอ } Serial.println("initialization done."); // เปิดไฟล์ชื่อ data.txt เพื่อเขียนข้อมูล // FILE_WRITE คือโหมดการเขียน (จะสร้างไฟล์ใหม่หากยังไม่มี) File dataFile = SD.open("data.txt", FILE_WRITE); // ตรวจสอบว่าเปิดไฟล์ได้หรือไม่ if (dataFile) { // เขียนข้อความลงในไฟล์ dataFile.println("Hello, this is a test from Arduino!"); // ปิดไฟล์หลังเขียนเสร็จ dataFile.close(); Serial.println("Data saved successfully."); } else { // หากเปิดไฟล์ไม่ได้ Serial.println("Error opening data.txt"); } } void loop() { // ส่วนนี้จะทำงานวนไปเรื่อยๆ // สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อบันทึกค่าจากเซนเซอร์ทุกๆ 5 วินาที เป็นต้น } 📌 การประยุกต์ใช้งาน Data Logger: โปรเจกต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือการเก็บข้อมูลจากเซนเซอร์ต่างๆ (เช่น อุณหภูมิ, ความชื้น, GPS) ลงในการ์ดพร้อมประทับเวลา บันทึกเหตุการณ์ (Event Logging): ใช้บันทึกการทำงานของระบบ เช่น เวลาที่ประตูเปิด-ปิด, เวลาที่มีการเคลื่อนไหว, หรือ Error ที่เกิดขึ้น เก็บไฟล์ขนาดใหญ่: ใช้เก็บไฟล์ภาพจากกล้อง (เช่น ESP32-CAM), ไฟล์เสียง (WAV, MP3) สำหรับโปรเจกต์เครื่องเล่นเพลง, หรือไฟล์ตั้งค่าต่างๆ เก็บข้อมูลในรูปแบบมาตรฐาน: บันทึกข้อมูลเป็นไฟล์ CSV หรือ JSON เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อในคอมพิวเตอร์ได้ง่าย ⭐ ข้อดีของโมดูล ง่ายต่อการใช้งานกับ Arduino: มีไลบรารีมาตรฐาน (SD.h) รองรับ ทำให้เขียนโค้ดได้ไม่ซับซ้อน ใช้พลังงานต่ำ: เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ บันทึกข้อมูลได้มหาศาล: เมื่อเทียบกับหน่วยความจำภายในของ Arduino (EEPROM) ที่มีจำกัด เข้าถึงข้อมูลง่าย: สามารถถอด Micro SD Card ไปเสียบกับคอมพิวเตอร์เพื่ออ่านหรือจัดการไฟล์ได้โดยตรง
25.00 ฿ 15.00 ฿
-
สินค้าเหลือจำนวนจำกัด! Global Byte Shop Arduino Nano (ยังไม่บัดกรี)
Arduino Nano: บอร์ด Arduino ขนาดเล็ก ทรงพลัง Arduino Nano คือบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยจุดเด่นคือการนำพลังการประมวลผลและความสามารถทั้งหมดของบอร์ดรุ่นพี่อย่าง Arduino Uno มาย่อส่วนลงในขนาดที่เล็กกะทัดรัด ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับโปรเจกต์ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ หรือต้องการติดตั้งบนบอร์ดทดลอง (Breadboard) โดยตรง จุดเด่นของ Arduino Nano ขนาดเล็ก: ด้วยขนาดเพียง 0.73" x 1.70" ทำให้เหมาะกับงานที่จำกัดพื้นที่ Breadboard-Friendly: ขาของบอร์ดถูกออกแบบมาให้เสียบลงบน Breadboard ได้พอดี ประสิทธิภาพเทียบเท่า Uno: ใช้ชิป ATmega328P ตัวเดียวกันกับ Arduino Uno มี Analog Input มากกว่า: มีขา Analog Input ถึง 8 ขา (A0-A7) ซึ่งมากกว่า Uno ที่มี 6 ขา ใช้งานง่าย: สามารถเขียนโปรแกรมและอัปโหลดโค้ดผ่าน Arduino IDE ได้เหมือนบอร์ด Arduino รุ่นอื่นๆ ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค (Technical Specifications) ไมโครคอนโทรลเลอร์ Microcontroller ATmega328P Clock Speed 16 MHz หน่วยความจำ (Memory) Flash Memory 32 KB (2 KB ถูกใช้โดย Bootloader) SRAM 2 KB EEPROM 1 KB อินพุต / เอาต์พุต (Input / Output) Digital I/O Pins 14 ขา (6 ขาสามารถใช้เป็น PWM Output ได้) Analog Input Pins 8 ขา (A0-A7) DC Current per I/O Pin 40 mA (สูงสุดไม่เกิน 200 mA รวมทุกขา) ระบบไฟ (Power) Operating Voltage 5V Input Voltage (recommended) 7-12V (ผ่านขา VIN) Input Voltage (limits) 6-15V ข้อมูลทางกายภาพ (Physical) Dimensions 0.73" x 1.70" (ประมาณ 18.5 x 43.2 มม.)
100.00 ฿ 70.00 ฿
-
Global Byte Shop Arduino Uno R4 WiFi | บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่ รองรับ IoT/DIY
Arduino UNO R4 WiFi: การกลับมาครั้งใหม่ของบอร์ดระดับตำนาน Arduino UNO R4 WiFi คือการพัฒนาครั้งสำคัญของบอร์ด Arduino ที่เป็นที่รักของเมกเกอร์ทั่วโลก โดยผสานพลังการประมวลผลและอุปกรณ์ต่อพ่วงใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นจากไมโครคอนโทรลเลอร์ Renesas RA4M1 เข้ากับความสามารถในการเชื่อมต่อไร้สายของชิป ESP32-S3 จาก Espressif นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ติดตั้งมาบนบอร์ดอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นจอ LED Matrix 12x8, คอนเนคเตอร์ Qwiic, ขาสำหรับแบตเตอรี่ RTC และขา OFF เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของเมกเกอร์สำหรับโปรเจกต์ถัดไปของคุณ มีอะไรใหม่ใน Arduino UNO R4 WiFi? เชื่อมต่อไร้สายครบครัน มีโมดูล ESP32-S3 ในตัว ทำให้สามารถเพิ่มการเชื่อมต่อ Wi-Fi® และ Bluetooth® ให้กับโปรเจกต์ของคุณได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถทำงานร่วมกับ Arduino IoT Cloud เพื่อควบคุมและติดตามโปรเจกต์จากระยะไกลได้ จอ LED Matrix ในตัว มาพร้อมกับจอ LED Matrix สีแดงขนาด 12x8 ที่สว่างสดใส เหมาะสำหรับโปรเจกต์สร้างสรรค์ที่ต้องการแสดงภาพแอนิเมชันหรือข้อมูลจากเซนเซอร์ โดยไม่ต้องต่อฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า อัปเกรดหน่วยความจำและ Clock Speed ให้สูงขึ้นอย่างมาก ช่วยให้สามารถคำนวณได้แม่นยำและจัดการกับโปรเจกต์ที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย พอร์ตและอุปกรณ์ต่อพ่วงใหม่ เพิ่มอุปกรณ์ต่อพ่วงบนบอร์ดเข้ามามากมาย เช่น 12-bit DAC, CAN BUS, และ OP AMP เพิ่มขีดความสามารถและความยืดหยุ่นในการออกแบบ รองรับแรงดันไฟสูงขึ้น รองรับแรงดันไฟฟ้าขาเข้า (Input Voltage) ที่กว้างขึ้นถึง 24V ทำให้สามารถทำงานร่วมกับมอเตอร์, ไฟ LED Strip, และ Actuator อื่นๆ โดยใช้แหล่งจ่ายไฟเพียงแหล่งเดียว ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา รองรับ HID ในตัว (จำลองเป็นเมาส์/คีย์บอร์ด), มีคอนเนคเตอร์ Qwiic I2C, ขา VRTC สำหรับ RTC, และมีกลไกตรวจจับข้อผิดพลาดขณะทำงาน (Runtime errors) เพื่อช่วยในการดีบักโค้ด เข้ากันได้กับ UNO R3 เดิม 100% ไม่ต้องกังวลกับโปรเจกต์เก่าของคุณ! Arduino UNO R4 WiFi ยังคงรักษารูปแบบ (Form Factor), ตำแหน่งขา (Pinout), และแรงดันไฟฟ้าทำงานที่ 5V เหมือนกับ UNO R3 ทุกประการ ทำให้สามารถเปลี่ยนแทนบอร์ดเก่าหรือใช้ Shield เดิมที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น @globaltech.shop สาย Maker ต้องไม่พลาด! "ของมันต้องมี 🔧 UNO R4 ตัวใหม่ แรงกว่าเดิม แถมมีลูกเล่นเพียบ! #ArduinoUNO #UNO4 #ไมโครคอนโทรลเลอร์ #Arduinoไทย #รีวิวของใหม่ #DIYอิเล็กทรอนิกส์ #ของเล่นใหม่ #TechTok #สายMaker #แกะกล่อง ♬ เสียงต้นฉบับ - Globalpi.shop
700.00 ฿ 520.00 ฿
-
Global Byte Shop เซ็นเซอร์ MC-38 Magnetic Contact สำหรับ Arduino Pi
MC-38 คืออะไร? วิธีใช้สวิตช์แม่เหล็กสำหรับประตู/หน้าต่างกับ Arduino MC-38 คือ สวิตช์แม่เหล็ก (Magnetic Contact Sensor) หรือบางครั้งเรียกว่า Reed Switch Sensor เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจจับการเปิด-ปิดของวัตถุ เช่น ประตู หรือหน้าต่าง ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นแม่เหล็ก และส่วนที่เป็นสวิตช์ ซึ่งจะทำปฏิกิริยาต่อกันเมื่ออยู่ในระยะใกล้ ด้วยความง่ายในการติดตั้งและใช้งาน จึงนิยมนำไปใช้ในระบบกันขโมย, ระบบนับจำนวนการเปิด-ปิด, หรือใช้เป็นเซนเซอร์ตรวจจับตำแหน่งในโปรเจกต์ต่างๆ หลักการทำงาน ภายในตัวสวิตช์จะมีแผ่นโลหะบางๆ สองแผ่นที่ไม่สัมผัสกัน (วงจรเปิด) แต่เมื่อนำแม่เหล็กเข้ามาใกล้ในระยะที่กำหนด สนามแม่เหล็กจะเหนี่ยวนำให้แผ่นโลหะทั้งสองดูดติดกัน ทำให้วงจรเชื่อมต่อกัน (วงจรปิด) และเมื่อนำแม่เหล็กออกห่าง แผ่นโลหะก็จะแยกจากกันอีกครั้ง สเปคของ MC-38 แรงดันไฟฟ้าที่รองรับ 3V – 24V DC (ใช้งานกับ 5V ของ Arduino ได้) กระแสที่รองรับ สูงสุดประมาณ 100 mA ระยะการทำงาน ประมาณ 15 – 25 มม. (ขึ้นอยู่กับแรงแม่เหล็ก) ชนิดสวิตช์ Normally Open (NO) → สถานะปกติวงจรจะ "เปิด" (ไม่เชื่อมต่อ) และจะ "ปิด" (เชื่อมต่อ) เมื่อแม่เหล็กอยู่ใกล้ วัสดุ พลาสติก ABS, มีเทปกาวและรูสำหรับยึดน็อต สายไฟ 2 เส้น (ไม่มีขั้ว) การใช้งานกับ Arduino ✅ การต่อสาย การต่อวงจรนั้นง่ายมาก โดยใช้ประโยชน์จาก Pull-up Resistor ภายในของ Arduino: สายจาก MC-38 ต่อกับขาบน Arduino สายเส้นที่ 1 ขา Digital ใดก็ได้ (เช่น D2) สายเส้นที่ 2 GND การใช้ INPUT_PULLUP การตั้งค่า pinMode(sensorPin, INPUT_PULLUP); ในโค้ดเป็นการสั่งให้ Arduino เปิดใช้งานตัวต้านทานภายในที่ต่อกับไฟ 5V ทำให้ในสถานะปกติ (ประตูเปิด) ขา D2 จะอ่านค่าได้เป็น HIGH และเมื่อประตูถูกปิด (แม่เหล็กอยู่ใกล้) สวิตช์จะทำงานและดึงไฟลงกราวด์ ทำให้ขา D2 อ่านค่าได้เป็น LOW ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้เราไม่ต้องต่อตัวต้านทานภายนอกเพิ่ม ✅ ตัวอย่างโค้ด Arduino โค้ดนี้จะอ่านสถานะของสวิตช์แม่เหล็กและแสดงผลทาง Serial Monitor ว่าประตูเปิดหรือปิดอยู่ // กำหนดขาที่ต่อกับ MC-38 const int sensorPin = 2; void setup() { // ตั้งค่าขาเป็น Input และเปิดใช้ Pull-up Resistor ภายใน pinMode(sensorPin, INPUT_PULLUP); Serial.begin(9600); Serial.println("Magnetic Door Sensor Test"); } void loop() { // อ่านสถานะจากเซนเซอร์ int sensorState = digitalRead(sensorPin); // ตรวจสอบสถานะ if (sensorState == LOW) { // เมื่อแม่เหล็กอยู่ใกล้ (ประตู/หน้าต่างปิด) Serial.println("สถานะ: ประตูปิด"); } else { // เมื่อแม่เหล็กอยู่ห่าง (ประตู/หน้าต่างเปิด) Serial.println("สถานะ: ประตูเปิด!"); } delay(500); // หน่วงเวลาเล็กน้อย } 💡 การประยุกต์ใช้งาน โปรเจกต์ การประยุกต์ใช้ MC-38 ระบบกันขโมยบ้าน ติดตั้งที่ประตูและหน้าต่าง เพื่อส่งเสียงเตือนหรือแจ้งเตือนผ่าน Line เมื่อมีการเปิด ระบบนับคนเข้า-ออก ติดตั้งที่ประตูเพื่อนับจำนวนครั้งของการเปิด-ปิด หุ่นยนต์หรือแขนกล ใช้เป็น Limit Switch เพื่อตรวจจับตำแหน่งสุดแขนหรือกลไกที่เคลื่อนที่ ระบบความปลอดภัยในตู้ ตรวจสอบสถานะว่าตู้เก็บของสำคัญถูกเปิดทิ้งไว้หรือไม่ ระบบเตือนเปิดประตูตู้เย็น ส่งเสียง Buzzer เตือนหากประตูตู้เย็นถูกเปิดค้างไว้นานเกินไป ข้อดีและข้อควรระวัง ✅ ข้อดี ราคาถูกมากและติดตั้งง่ายด้วยเทปกาวหรือน็อต ไม่ต้องการพลังงานในการทำงาน (เป็นแค่สวิตช์) มีความทนทานสูงและอายุการใช้งานยาวนาน ไม่ต้องเขียนโปรแกรมซับซ้อน ใช้เพียง `digitalRead` ทำงานโดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรง (Contactless) ⚠️ ข้อควรระวัง ตัว Reed Switch ที่อยู่ภายในค่อนข้างบอบบาง ควรระวังการกระแทกแรงๆ ห้ามใช้กับแรงดันหรือกระแสไฟฟ้าที่เกินสเปคกำหนด เพราะจะทำให้หน้าสัมผัสของสวิตช์ละลายติดกันและเสียหายถาวรได้
30.00 ฿ 22.00 ฿
-
Global Byte Shop บอร์ด NodeMCU ESP8266 WiFi สำหรับ IoT
NodeMCU ESP8266 คืออะไร ? เริ่มต้นโปรเจค IoT ด้วย Arduino IDE NodeMCU ESP8266 คือบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ใช้ชิป ESP8266 เป็นหัวใจหลักในการประมวลผล จุดเด่นที่สำคัญที่สุดคือ **ความสามารถในการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ในตัว** ในราคาที่ประหยัดมาก และยังสามารถเขียนโปรแกรมควบคุมผ่าน Arduino IDE ที่เราคุ้นเคยได้เป็นอย่างดี ทำให้มันกลายเป็นบอร์ดที่นิยมอันดับต้นๆ สำหรับงานด้าน IoT (Internet of Things) เช่น การควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านอินเทอร์เน็ต หรือการส่งข้อมูลจากเซนเซอร์ขึ้นไปยังเว็บไซต์และฐานข้อมูลออนไลน์ แม้ชื่อ “NodeMCU” จะมาจากการที่มันถูกออกแบบมาให้เขียนโปรแกรมด้วยภาษา Lua ในช่วงแรก แต่ในปัจจุบัน การเขียนด้วยภาษา C/C++ ผ่าน Arduino IDE ได้รับความนิยมมากกว่าอย่างแพร่หลาย สเปค NodeMCU ESP8266 (Specification) ชิปหลัก ESP8266 (ESP-12E หรือ ESP-12F) ความเร็ว CPU 80 MHz (โอเวอร์คล็อกได้ถึง 160 MHz) หน่วยความจำ (Flash) 4MB SRAM (RAM) 64KB Wi-Fi 802.11 b/g/n (2.4GHz) รองรับโหมด Station และ Access Point แรงดันใช้งาน 3.3V (แต่สามารถรับไฟ 5V ผ่านพอร์ต USB ได้) พอร์ต USB ใช้ชิป CH340 หรือ CP2102 สำหรับการสื่อสารและอัปโหลดโค้ด GPIO 11 ขา (รองรับ PWM, ADC, I2C, SPI) ADC 1 ขา (อ่านค่า Analog ได้ในช่วง 0–1V เท่านั้น) แรงดันขา Digital 3.3V (สำคัญมาก!) การใช้งาน NodeMCU ESP8266 สำหรับ IoT (Use Cases) จุดเด่นการใช้งาน เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ในตัว โดยไม่ต้องพึ่งโมดูลเสริม อัปโหลดโค้ดและจ่ายไฟได้ง่ายๆ ผ่านสาย Micro USB เส้นเดียว ทำงานร่วมกับบริการออนไลน์ต่างๆ เช่น เว็บเซิร์ฟเวอร์, แอปพลิเคชันมือถือ, และฐานข้อมูลออนไลน์ได้เป็นอย่างดี รองรับเครื่องมือพัฒนายอดนิยมทั้ง Arduino IDE และ PlatformIO ตัวอย่างการใช้งานยอดนิยม ควบคุมหลอดไฟ, รีเลย์, หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่าน Wi-Fi สร้าง Web Server ในตัวบอร์ดเพื่อสร้างหน้าเว็บควบคุมอุปกรณ์ผ่านเบราว์เซอร์ ส่งข้อมูลจากเซนเซอร์ (DHT11, MQ-2, Soil Moisture) ไปยังบริการ IoT Platform เช่น Firebase, ThingSpeak, Blynk ทำหน้าที่เป็น Node สำหรับส่งข้อมูลในระบบ MQTT สร้างระบบแจ้งเตือนผ่าน LINE Notify หรือ Telegram เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ตัวอย่างโค้ด Arduino: สร้าง Web Server ง่ายๆ โค้ดนี้จะทำให้ NodeMCU เชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณ และสร้างหน้าเว็บที่แสดงข้อความ "Hello from NodeMCU!" เมื่อคุณเข้าถึง IP Address ของบอร์ดผ่านเว็บเบราว์เซอร์ #include <ESP8266WiFi.h> // --- กรุณาแก้ไขชื่อและรหัสผ่าน Wi-Fi ของคุณ --- const char* ssid = "YOUR_WIFI_NAME"; const char* password = "YOUR_WIFI_PASSWORD"; // ------------------------------------------ WiFiServer server(80); // สร้าง Server ที่ Port 80 void setup() { Serial.begin(115200); // เริ่มต้นการเชื่อมต่อ Wi-Fi WiFi.begin(ssid, password); // รอจนกว่าจะเชื่อมต่อสำเร็จ while (WiFi.status() != WL_CONNECTED) { delay(500); Serial.print("."); } Serial.println("\nWiFi connected!"); // แสดง IP Address ที่ได้รับ Serial.print("IP Address: "); Serial.println(WiFi.localIP()); // เริ่มต้น Web Server server.begin(); } void loop() { WiFiClient client = server.available(); // รอรับการเชื่อมต่อจาก Client if (!client) { return; } // รอจนกว่า client จะส่งข้อมูลมา while (!client.available()) { delay(1); } // ส่งข้อมูล HTML กลับไปให้ Client (Web Browser) client.println("HTTP/1.1 200 OK"); client.println("Content-Type: text/html"); client.println("Connection: close"); client.println(); client.println("<!DOCTYPE HTML>"); client.println("<html>"); client.println("<h1>Hello from NodeMCU ESP8266!</h1>"); client.println("</html>"); delay(1); client.stop(); // จบการเชื่อมต่อ } คำถามที่พบบ่อย (FAQ) NodeMCU ESP8266 เหมาะกับใคร? เหมาะสำหรับนักเรียน, นักพัฒนา, ผู้ที่เริ่มต้นโปรเจกต์ IoT, หรือผู้ที่ต้องการสร้างระบบควบคุมอุปกรณ์ผ่านอินเทอร์เน็ตในราคาประหยัด ใช้ NodeMCU กับ Arduino IDE ได้ไหม? ได้ 100% และเป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพียงติดตั้งบอร์ด ESP8266 ผ่านเมนู Board Manager ในโปรแกรม Arduino IDE ก็สามารถเขียนโค้ดและอัปโหลดได้ทันที ต่างจาก ESP32 อย่างไร? ESP32 เป็นรุ่นที่ใหม่และมีทรัพยากรมากกว่า เช่น CPU dual-core, มี Bluetooth ในตัว, และมีขา GPIO มากกว่า ในขณะที่ ESP8266 จะเน้นการใช้งานทั่วไปที่ต้องการ Wi-Fi เป็นหลัก และมีราคาที่ประหยัดกว่า NodeMCU ทนแรงดัน 5V ได้ไหม? พอร์ต Micro USB สามารถรับไฟ 5V ได้ เพราะมีวงจรแปลงแรงดันในตัว แต่ขา GPIO ทั้งหมดทำงานที่แรงดัน 3.3V เท่านั้น หากต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้ Logic 5V ควรมีวงจรแปลงระดับแรงดัน (Logic Level Shifter) เพื่อป้องกันความเสียหาย 📌 NodeMCU ESP8266 คือบอร์ดที่ดีที่สุดสำหรับใครก็ตามที่กำลังเริ่มต้นกับ IoT และต้องการบอร์ดราคาถูก, ใช้งานง่าย, และมี Wi-Fi ในตัว
150.00 ฿ 110.00 ฿
-
Global Byte Shop เซ็นเซอร์วัดความชื้นดิน Soil Moisture Module Arduino
Soil Moisture Sensor คืออะไร? วิธีใช้งานกับ Arduino เซ็นเซอร์วัดความชื้นในดิน (Soil Moisture Sensor) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นิยมใช้ในโปรเจกต์ Smart Farm, ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ, และงานอดิเรกด้านพืชสวน เพราะสามารถทำงานร่วมกับ Arduino ได้ง่าย, ราคาถูก, และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเรียนรู้ระบบควบคุมอัตโนมัติ หลักการทำงาน เซนเซอร์ประเภทนี้ทำงานโดยอาศัยหลักการวัด **ค่าความต้านทานไฟฟ้าของดิน** ซึ่งแปรผันตามปริมาณน้ำ: ดินแห้ง: มีความต้านทานสูง (นำไฟฟ้าได้ไม่ดี) ดินชื้น: มีความต้านทานต่ำ (นำไฟฟ้าได้ดีขึ้น) โมดูลจะแปลงค่าความต้านทานนี้เป็นระดับแรงดันไฟฟ้า แล้วส่งออกมาเป็นสัญญาณ 2 รูปแบบ คือ Analog (ค่าต่อเนื่อง) และ Digital (มี/ไม่มี) สเปคของ Soil Moisture Sensor แรงดันไฟเลี้ยง 3.3V – 5V กระแสที่ใช้ ประมาณ 10-20 mA สัญญาณเอาต์พุต Analog (A0) และ Digital (D0) โครงสร้าง Probe 2 ขาสำหรับเสียบลงดิน และบอร์ดแปลงสัญญาณ การปรับค่า มี Potentiometer (VR) สำหรับปรับจุดตัด (Threshold) ของสัญญาณ Digital การใช้งานกับ Arduino 1. การต่อสาย ขาบนโมดูลเซนเซอร์ ต่อกับขาบน Arduino VCC 5V GND GND A0 (Analog Output) A0 (หรือขา Analog อื่นๆ) D0 (Digital Output) ขา Digital ใดก็ได้ (เช่น D2) 2. การอ่านค่าแบบ Analog (แนะนำวิธีนี้) การอ่านค่าแบบ Analog ให้ข้อมูลที่ละเอียดกว่า ทำให้เราสามารถกำหนดระดับความชื้นได้หลายระดับ const int sensorPin = A0; // กำหนดขา A0 สำหรับอ่านค่าจากเซนเซอร์ void setup() { Serial.begin(9600); // เริ่มการสื่อสารแบบ Serial } void loop() { int moistureValue = analogRead(sensorPin); // อ่านค่าอนาล็อก (0-1023) Serial.print("Soil Moisture Value: "); Serial.println(moistureValue); delay(1000); // รอ 1 วินาที ก่อนอ่านค่าครั้งต่อไป } การแปลผลค่า Analog: ค่าสูง (เช่น 800-1023): หมายถึงดินมีความต้านทานสูง = ดินแห้ง ค่าต่ำ (เช่น 100-300): หมายถึงดินมีความต้านทานต่ำ = ดินชื้น/เปียก เราสามารถนำค่านี้ไปใช้ตั้งเงื่อนไขในโปรเจกต์รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติได้ เช่น `if (moistureValue > 700) { // สั่งรดน้ำ }` 3. การอ่านค่าแบบ Digital การอ่านค่าแบบ Digital จะให้ผลลัพธ์แค่ 2 สถานะ คือ "ชื้น" หรือ "แห้ง" ซึ่งเราสามารถปรับจุดตัดได้ที่ตัว Potentiometer บนโมดูล const int sensorDigitalPin = 2; // กำหนดขา D2 สำหรับอ่านค่า Digital void setup() { pinMode(sensorDigitalPin, INPUT); // กำหนดขาเป็น Input Serial.begin(9600); } void loop() { int digitalValue = digitalRead(sensorDigitalPin); // โดยทั่วไป โมดูลจะส่ง LOW เมื่อดินชื้น และ HIGH เมื่อดินแห้ง if (digitalValue == LOW) { Serial.println("สถานะ: ดินชื้น"); } else { Serial.println("สถานะ: ดินแห้ง"); } delay(1000); } เคล็ดลับเพิ่มเติม (Pro Tips) การกัดกร่อน: เซนเซอร์แบบนี้ไม่ควรเสียบแช่ในดินและจ่ายไฟตลอดเวลา เพราะจะทำให้ผิวของ Probe เกิดการกัดกร่อน (สนิม) ได้เร็ว ควรเขียนโค้ดให้จ่ายไฟเฉพาะตอนที่ต้องการวัดเท่านั้น (โดยใช้ขา Digital อีกขามาควบคุมไฟเลี้ยง) การนำไปใช้งาน: สามารถใช้ค่าที่อ่านได้ไปสั่งงาน โมดูลรีเลย์ (Relay Module) เพื่อควบคุมปั๊มน้ำหรือวาล์วไฟฟ้าสำหรับระบบรดน้ำอัตโนมัติ เซนเซอร์ทางเลือก: หากต้องการความแม่นยำและทนทานที่สูงกว่า แนะนำให้ลองใช้ Capacitive Soil Moisture Sensor ซึ่งวัดความชื้นโดยอาศัยหลักการของค่าประจุไฟฟ้าและไม่มีส่วนของโลหะที่สัมผัสดินโดยตรง ทำให้ทนทานและไม่ขึ้นสนิม
35.00 ฿ 15.00 ฿
-
Global Byte Shop MQ-2 Smoke Gas Sensor For Arduino
MQ-2 คืออะไร? วิธีใช้เซนเซอร์ตรวจจับควันและแก๊สรั่วกับ Arduino MQ-2 คือ ก๊าซเซนเซอร์ (Gas Sensor) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโปรเจกต์ Arduino และงานอดิเรกด้านอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเป็นเซนเซอร์ที่มีความไวสูง สามารถตรวจจับได้ทั้งควันไฟและก๊าซไวไฟหลายชนิด เหมาะสำหรับนำไปสร้างเป็นระบบเตือนภัยแก๊สรั่วหรือระบบตรวจจับควันไฟในบ้าน หลักการทำงานของเซนเซอร์คือ ภายในจะมีขดลวดทำความร้อนและตัวตรวจจับที่ทำจากดีบุกไดออกไซด์ (SnO₂) ซึ่งค่าความต้านทานของมันจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อสัมผัสกับโมเลกุลของก๊าซในอากาศ ทำให้เราสามารถวัดการเปลี่ยนแปลงนั้นออกมาเป็นสัญญาณไฟฟ้าได้ MQ-2 ตรวจจับก๊าซอะไรได้บ้าง? เซนเซอร์ MQ-2 มีความไวต่อก๊าซไวไฟหลายชนิด โดยเฉพาะ: ก๊าซ LPG (ก๊าซหุงต้ม) ก๊าซ Butane ก๊าซ Propane ก๊าซ Methane (CH₄) ก๊าซ Hydrogen (H₂) ควันไฟ (Smoke) แอลกอฮอล์ (Alcohol) สเปคของ MQ-2 แรงดันไฟเลี้ยง 5V DC กำลังไฟฟ้าที่ใช้ ประมาณ 800mW ประเภทสัญญาณ Analog (AOUT) และ Digital (DOUT) เวลาอุ่นเครื่อง (Warm-up) ประมาณ 20 วินาที ถึง 2 นาที ช่วงการตรวจจับ 300 - 10,000 ppm (ส่วนในล้านส่วน) ขาเชื่อมต่อ 4 ขา: VCC, GND, AOUT, DOUT ข้อควรทราบ: เซนเซอร์ประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการ "อุ่นเครื่อง" (Warm-up) เพื่อให้ขดลวดความร้อนภายในมีอุณหภูมิคงที่เสียก่อน ค่าที่อ่านได้ในช่วงแรกจึงอาจยังไม่แม่นยำ ควรปล่อยให้เซนเซอร์ทำงานสักครู่ก่อนนำค่าไปใช้งานจริง การใช้งาน MQ-2 กับ Arduino 1. การต่อสาย ขาบนโมดูล MQ-2 ต่อกับขาบน Arduino VCC 5V GND GND AOUT (Analog Out) A0 (หรือขา Analog อื่นๆ) DOUT (Digital Out) ขา Digital ใดก็ได้ (เช่น D2) 2. ตัวอย่างโค้ดใช้งานแบบ Analog (วัดระดับความเข้มข้น) การอ่านค่าแบบ Analog จะให้ค่า 0-1023 ซึ่งแปรผันตามความเข้มข้นของก๊าซ (ยิ่งค่าสูง แสดงว่ามีความเข้มข้นมาก) const int mq2Pin = A0; // กำหนดขา A0 สำหรับอ่านค่า Analog void setup() { Serial.begin(9600); } void loop() { int gasLevel = analogRead(mq2Pin); // อ่านค่า (0-1023) Serial.print("Gas Level: "); Serial.println(gasLevel); delay(1000); // รอ 1 วินาที ก่อนอ่านค่าครั้งต่อไป } 3. ตัวอย่างโค้ดใช้งานแบบ Digital (แจ้งเตือน) การอ่านค่าแบบ Digital จะให้ค่าแค่ LOW (0) หรือ HIGH (1) เท่านั้น โดยโมดูลจะส่งค่า LOW เมื่อระดับก๊าซเกินจุดที่ตั้งไว้ด้วย Potentiometer บนบอร์ด const int mq2DigitalPin = 2; // กำหนดขา D2 สำหรับอ่านค่า Digital void setup() { pinMode(mq2DigitalPin, INPUT); Serial.begin(9600); } void loop() { int gasDetected = digitalRead(mq2DigitalPin); // โดยทั่วไป โมดูลจะส่ง LOW เมื่อตรวจพบแก๊สเกินค่าที่ตั้งไว้ if (gasDetected == LOW) { Serial.println("ตรวจพบแก๊สหรือควัน!"); } else { Serial.println("สถานะปกติ"); } delay(1000); } ไอเดียการประยุกต์ใช้งาน ระบบเตือนภัยแก๊สรั่วในครัว: เมื่อตรวจพบก๊าซ LPG เกินระดับ ให้ส่งเสียง Buzzer เตือน หรือส่ง LINE Notify เครื่องตรวจจับควันไฟ: ใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันอัคคีภัย แจ้งเตือนเมื่อมีควันหนาแน่น เครื่องวัดคุณภาพอากาศ (เบื้องต้น): ใช้ตรวจจับมลพิษในอากาศ (เช่น ควัน, แอลกอฮอล์) เครื่องเป่าแอลกอฮอล์ (DIY): สร้างเครื่องจำลองการวัดระดับแอลกอฮอล์จากลมหายใจ
100.00 ฿ 25.00 ฿
-
Global Byte Shop DHT11 Humidity and Temperature sensor For Arduino Nodemcu ESP32
DHT11 คืออะไร? วิธีใช้งานเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น DHT11 คือเซนเซอร์ดิจิทัลสำหรับวัด อุณหภูมิ (Temperature) และ ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity) ในอากาศ เป็นหนึ่งในเซนเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับโปรเจกต์ Arduino และงานอดิเรกด้านอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากใช้งานง่าย, ราคาถูก, และให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำในระดับหนึ่ง ภายในตัว DHT11 ประกอบด้วยตัววัดความชื้นแบบ Capacitive และตัววัดอุณหภูมิแบบ Thermistor พร้อมวงจรแปลงสัญญาณ Analog เป็น Digital ทำให้สามารถส่งข้อมูลออกมาทางสายสัญญาณเพียงเส้นเดียวได้ สเปคของ DHT11 ช่วงวัดความชื้น 20–90% RH (ความคลาดเคลื่อน ±5% RH) ช่วงวัดอุณหภูมิ 0–50°C (ความคลาดเคลื่อน ±2°C) แรงดันไฟเลี้ยง 3.3V – 5.5V สัญญาณเอาต์พุต ดิจิทัล (แบบ Single-wire bus) อัตราการอ่านข้อมูล สูงสุด 1 ครั้งต่อวินาที (1Hz) จำนวนขา 3 หรือ 4 ขา (หากเป็นโมดูลจะใช้จริง 3 ขา) การใช้งาน DHT11 กับ Arduino 1. การต่อสาย ขาบน DHT11 ต่อกับขาบน Arduino VCC (หรือ +) 5V GND (หรือ -) GND DATA (หรือ OUT) ขา Digital ใดก็ได้ (เช่น D2) หมายเหตุ: หากใช้เซนเซอร์ DHT11 แบบ 4 ขาที่ไม่มีแผงวงจร (โมดูล) อาจต้องต่อตัวต้านทาน Pull-up ขนาด 4.7KΩ - 10KΩ ระหว่างขา VCC และขา DATA ด้วย แต่ถ้าเป็นแบบโมดูล (3 ขา) ส่วนใหญ่จะมีตัวต้านทานนี้มาให้แล้ว 2. การติดตั้งไลบรารี ก่อนเขียนโค้ด จำเป็นต้องติดตั้งไลบรารีสำหรับ DHT Sensor ก่อน: เปิดโปรแกรม Arduino IDE ไปที่เมนู Tools > Manage Libraries... ในช่องค้นหา พิมพ์ "DHT sensor library" มองหาไลบรารีจาก Adafruit และกดปุ่ม "Install" (โปรแกรมอาจถามให้ติดตั้งไลบรารีอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ให้กด Install all) 3. ตัวอย่างโค้ด Arduino โค้ดนี้จะอ่านค่าอุณหภูมิและความชื้นจาก DHT11 ทุกๆ 2 วินาที แล้วแสดงผลทาง Serial Monitor #include <DHT.h> // กำหนดขาและประเภทของเซนเซอร์ #define DHTPIN 2 // ขา DATA ของ DHT11 ต่อกับขา D2 ของ Arduino #define DHTTYPE DHT11 // กำหนดประเภทเซนเซอร์เป็น DHT11 // สร้าง object ของ DHT DHT dht(DHTPIN, DHTTYPE); void setup() { Serial.begin(9600); Serial.println("DHT11 test!"); // เริ่มต้นการทำงานของเซนเซอร์ dht.begin(); } void loop() { // รอ 2 วินาทีก่อนที่จะอ่านค่าครั้งต่อไป delay(2000); // อ่านค่าความชื้น float h = dht.readHumidity(); // อ่านค่าอุณหภูมิเป็นเซลเซียส float t = dht.readTemperature(); // อ่านค่าอุณหภูมิเป็นฟาเรนไฮต์ (ถ้าต้องการ) // float f = dht.readTemperature(true); // ตรวจสอบว่าการอ่านค่าสำเร็จหรือไม่ if (isnan(h) || isnan(t)) { Serial.println("Failed to read from DHT sensor!"); return; // ออกจาก loop แล้วเริ่มใหม่ } // แสดงผลค่าที่อ่านได้ Serial.print("ความชื้น: "); Serial.print(h); Serial.print(" %\t"); Serial.print("อุณหภูมิ: "); Serial.print(t); Serial.println(" *C"); }
40.00 ฿ 25.00 ฿
-
Global Byte Shop 3-Axis Digital Compass Breakout Board
โมดูลเข็มทิศดิจิทัล 3 แกน (3-Axis Digital Compass) เพิ่มความสามารถในการรับรู้ทิศทางให้กับโปรเจกต์ของคุณด้วย โมดูลเข็มทิศดิจิทัล 3 แกน เซ็นเซอร์นี้ทำหน้าที่วัดสนามแม่เหล็กโลกเพื่อระบุทิศทาง (Heading) ได้อย่างแม่นยำ ด้วยการเชื่อมต่อที่ง่ายดายผ่านโปรโตคอล I2C และขนาดที่เล็กกะทัดรัด ทำให้เหมาะสำหรับนำไปใช้ในโปรเจกต์หุ่นยนต์, โดรน, ระบบนำทาง, หรืออุปกรณ์พกพาต่างๆ คุณสมบัติเด่น (Key Features) การวัด 3 แกน (3-Axis): สามารถวัดค่าสนามแม่เหล็กได้ทั้งแกน X, Y, และ Z ทำให้สามารถคำนวณทิศทางได้อย่างถูกต้องแม้บอร์ดจะเอียง เชื่อมต่อง่ายผ่าน I2C: ใช้สายสัญญาณเพียง 2 เส้น (SDA, SCL) ทำให้ประหยัดขาของไมโครคอนโทรลเลอร์ รองรับแรงดันไฟกว้าง: ใช้งานได้กับบอร์ดที่ใช้แรงดันทั้ง 3.3V และ 5V ความละเอียดสูง: มีความละเอียดในการวัดถึง 5 milli-gauss ประหยัดพลังงาน: ใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงานน้อยมาก ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) อินเทอร์เฟซ I2C แรงดันไฟเลี้ยง (Supply) 3.3V - 5.0V DC ระดับแรงดันลอจิก (Logic Level) 3.3V DC ความละเอียด 5 milli-gauss การใช้กระแสไฟฟ้า ต่ำ (Low current draw) ขนาด 15 x 13 มม. ข้อควรระวังในการใช้งาน ระดับแรงดันลอจิก 3.3V: แม้ว่าโมดูลจะรับไฟเลี้ยง 5V ได้ แต่ขา SDA และ SCL ทำงานที่ระดับ 3.3V หากนำไปใช้กับบอร์ด 5V เช่น Arduino Uno ควรใช้วงจรแปลงระดับแรงดัน (Logic Level Shifter) เพื่อป้องกันความเสียหาย การรบกวนจากสนามแม่เหล็ก: ควรติดตั้งเซนเซอร์ให้ห่างจากแหล่งกำเนิดสนามแม่เหล็กอื่นๆ เช่น มอเตอร์, สายไฟที่มีกระแสสูง, หรือวัตถุที่เป็นโลหะขนาดใหญ่ เพราะอาจทำให้ค่าที่วัดได้ผิดเพี้ยน การประยุกต์ใช้งาน (Applications) หุ่นยนต์และรถบังคับ: ใช้ในการนำทางและรักษาทิศทางการเคลื่อนที่ โดรน (Drones): เป็นส่วนสำคัญในระบบควบคุมการทรงตัวและทิศทางการบิน ระบบนำทางสำหรับบุคคล: สร้างอุปกรณ์บอกทิศทางแบบพกพา สถานีตรวจวัดสภาพอากาศ: ใช้วัดทิศทางลมร่วมกับเซ็นเซอร์อื่นๆ โปรเจกต์ Augmented Reality (AR): ใช้ในการระบุทิศทางที่ผู้ใช้กำลังมอง
100.00 ฿
-
Global Byte Shop Micro USB B to USB A Male to Male Lead, 1m Black
สาย Micro USB B to USB A Male to Male, ยาว 1 เมตร (สีดำ) สายเคเบิล Micro USB มาตรฐาน สำหรับการชาร์จและถ่ายโอนข้อมูล (Sync) เป็นสายที่จำเป็นสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และแกดเจ็ตจำนวนมาก ด้วยความยาว 1 เมตร ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน อุปกรณ์ที่รองรับ (Compatible Devices) สายชนิดนี้สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์หลากหลายประเภทที่ใช้พอร์ต Micro USB เช่น: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android (รุ่นเก่า) บอร์ดพัฒนา (Development Boards) เช่น Raspberry Pi 3 B+, NodeMCU ESP8266, ESP32 พาวเวอร์แบงค์ (Power Banks) ลำโพงบลูทูธ (Bluetooth Speakers) และหูฟังไร้สาย จอยเกม และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์อื่นๆ ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภทการเชื่อมต่อ USB 2.0 หัวต่อฝั่งที่ 1 USB Type-A (ตัวผู้ / Male) หัวต่อฝั่งที่ 2 Micro USB Type-B (ตัวผู้ / Male) ความยาว 1 เมตร สี ดำ (Black)
50.00 ฿
-
Global Byte Shop USB 2.0 A to B Male Cable, 1m Grey
สาย USB 2.0 A Male to B Male Cable, 1 เมตร (สีเทา) สายเคเบิล USB 2.0 คุณภาพดี สำหรับเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ (พอร์ต USB-A) กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ที่ใช้พอร์ต USB-B เป็นสายเคเบิลมาตรฐานที่พบได้ทั่วไปและจำเป็นสำหรับอุปกรณ์หลายชนิด การใช้งาน (Applications) สายชนิดนี้เหมาะสำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น: เครื่องปริ้นเตอร์ (Printers) และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน สแกนเนอร์ (Scanners) บอร์ดพัฒนา (Development Boards) เช่น Arduino UNO R3, Arduino Mega 2560 ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก (External Hard Drives) บางรุ่น อุปกรณ์เสียง (Audio Interfaces) และ MIDI Controller ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภทการเชื่อมต่อ USB 2.0 หัวต่อฝั่งที่ 1 USB Type-A (ตัวผู้ / Male) หัวต่อฝั่งที่ 2 USB Type-B (ตัวผู้ / Male) ความยาว 1 เมตร สี เทา (Grey)
55.00 ฿
-
Global Byte Shop NRF24L01 Module
NRF24L01: โมดูลสื่อสารไร้สาย 2.4GHz NRF24L01 คือโมดูลรับ-ส่งสัญญาณไร้สาย (Transceiver) แบบ Single-chip ที่ทำงานบนย่านความถี่ 2.4-2.5GHz ซึ่งเป็นย่าน ISM ที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องขอใบอนุญาต เป็นโมดูลที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในโปรเจกต์ Arduino และ Embedded Systems ต่างๆ เนื่องจากมีราคาถูก, ประหยัดพลังงาน, และใช้งานง่าย คุณสมบัติเด่น (Key Features) ความเร็วสูง: สามารถตั้งค่าความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 2Mbps ทำให้ใช้เวลาส่งข้อมูลในอากาศสั้นมาก ลดโอกาสการชนกันของสัญญาณ ประหยัดพลังงานมาก (Low Power): ใช้กระแสไฟต่ำมาก เหมาะสำหรับโปรเจกต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ รองรับการสื่อสารหลายจุด: มีช่องสัญญาณให้เลือกใช้ถึง 125 ช่อง และรองรับการรับข้อมูลได้พร้อมกัน 6 ช่องสัญญาณ ทำให้สร้างเครือข่ายเซนเซอร์ไร้สายได้ ขนาดกะทัดรัด: มีขนาดเล็กเพียง 15x29 มม. พร้อมเสาอากาศในตัว (On-board Antenna) จัดการโปรโตคอลในตัว: มีฟังก์ชันจัดการการสื่อสารระดับสูงในตัว เช่น การส่งแพ็คเก็ตข้อมูลซ้ำอัตโนมัติเมื่อเกิดข้อผิดพลาด (Auto re-transmit) และการส่งสัญญาณตอบรับ (Auto-acknowledge) ช่วยลดภาระของไมโครคอนโทรลเลอร์ เชื่อมต่อง่ายผ่าน SPI: สามารถเชื่อมต่อกับไมโครคอนโทรลเลอร์ผ่านอินเทอร์เฟซ SPI ได้โดยตรง ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ย่านความถี่ 2.4 - 2.5 GHz (ISM Band) แรงดันไฟฟ้าใช้งาน 1.9V – 3.6V อัตราการส่งข้อมูล 250kbps, 1Mbps, 2Mbps (ตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์) ระยะทำการ สูงสุดประมาณ 100 เมตรในที่โล่ง อินเทอร์เฟซ SPI (Serial Peripheral Interface) ขนาด ประมาณ 15 x 29 มม. (รวมเสาอากาศ) ข้อควรระวังที่สำคัญในการใช้งาน โมดูล NRF24L01 ทำงานที่แรงดันไฟฟ้า 1.9V - 3.6V เท่านั้น (เป็นอุปกรณ์ 3.3V) ห้ามต่อขา VCC เข้ากับไฟ 5V ของ Arduino โดยตรง เพราะจะทำให้โมดูลเสียหายถาวรได้ ควรต่อกับขา 3.3V ของ Arduino ขา SPI (MOSI, MISO, SCK, CSN, CE) ก็เป็น Logic 3.3V เช่นกัน หากใช้กับบอร์ด 5V เช่น Arduino Uno ควรใช้วงจรแปลงระดับแรงดัน (Logic Level Shifter) หรือใช้อะแดปเตอร์สำหรับ NRF24L01 ที่มีวงจรแปลงแรงดันในตัว เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพในการทำงาน การประยุกต์ใช้งาน สร้างระบบควบคุมหุ่นยนต์หรือรถบังคับไร้สาย สร้างเครือข่ายเซนเซอร์ไร้สาย (Wireless Sensor Network) สำหรับ Smart Farm หรือ Smart Home ส่งข้อมูลระหว่างบอร์ด Arduino สองตัวหรือมากกว่า ทำรีโมทคอนโทรลสำหรับโปรเจกต์ต่างๆ ระบบแจ้งเตือนหรือติดตามแบบไร้สาย
39.00 ฿
-
สินค้าเหลือจำนวนจำกัด! Global Byte Shop NUCLEO-144
บอร์ดพัฒนา STM32 Nucleo-144 (NUCLEO-F746ZG) STM32 Nucleo-144 เป็นบอร์ดพัฒนาจาก STMicroelectronics ที่มอบความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการสร้างต้นแบบ (Prototype) และทดลองแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว บอร์ดรุ่น NUCLEO-F746ZG นี้มาพร้อมกับไมโครคอนโทรลเลอร์ STM32F746ZG ซึ่งใช้แกนประมวลผล ARM® Cortex®-M7 ที่ทรงพลัง คุณสมบัติเด่น (Key Features) ไมโครคอนโทรลเลอร์ประสิทธิภาพสูง: ใช้ชิป STM32F746ZG ที่มีแกนประมวลผล ARM® Cortex®-M7 ขาต่อขยายที่ยืดหยุ่น: รองรับ Header 3 รูปแบบ: ST Zio connector: รวมถึงขาต่อแบบ Arduino™ Uno V3 ST morpho headers: ช่วยให้เข้าถึงขา I/O ทั้งหมดของ MCU ได้ มีดีบักเกอร์ในตัว: มาพร้อมกับโปรแกรมเมอร์/ดีบักเกอร์ ST-LINK/V2-1 ในตัวบอร์ด ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่ม รองรับซอฟต์แวร์หลากหลาย: ใช้งานร่วมกับ STM32Cube IDE, IAR™, Keil®, และ GCC-based IDEs อื่นๆ ได้ พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน: มีพอร์ต USB OTG และ Ethernet ในตัวบอร์ด ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ชื่อบอร์ด STM32 Nucleo-144 Development Board ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) STM32F746ZG แกนประมวลผล (Core) ARM® 32-bit Cortex®-M7 ขาต่อขยาย (Connectivity) รองรับ Arduino, ST Zio, และ ST morpho คุณสมบัติบนบอร์ด ST-LINK/V2-1 debugger/programmer, USB OTG, Ethernet Connector อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ เพื่อให้การเชื่อมต่อวงจรบน Breadboard หรือบอร์ดทดลองอื่นๆ ทำได้ง่าย ควรใช้ Pin Header (ก้างปลา) ร่วมด้วย
1,250.00 ฿
-
สินค้าเหลือจำนวนจำกัด! Global Byte Shop Jump Wire (Male to Female) 20cm.
สายจัมเปอร์ (Jumper Wire) ตัวผู้-ตัวเมีย ยาว 20 ซม. (40 เส้น) สายจัมเปอร์ หรือสายไฟเชื่อมต่อวงจร เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับงานด้านอิเล็กทรอนิกส์และการสร้างวงจรต้นแบบ (Prototyping) สายแพชุดนี้เป็นแบบ **ตัวผู้-ตัวเมีย (Male to Female)** มาพร้อมกัน 40 เส้น และสามารถฉีกแบ่งออกมาใช้งานทีละเส้นได้ตามต้องการ การใช้งาน (Applications) สายแบบ Male to Female เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเชื่อมต่อระหว่าง: ขา GPIO ของบอร์ด Raspberry Pi (ซึ่งเป็นขาตัวผู้) กับบอร์ดทดลอง (Breadboard) โมดูลเซนเซอร์ที่มีขาเป็น Pin Header ตัวผู้ กับบอร์ดทดลอง เชื่อมต่อระหว่างบอร์ด Arduino ที่มีช่องเสียบตัวเมียกับอุปกรณ์อื่นๆ ใช้ในงานซ่อมแซมหรือทดลองวงจรทั่วไป ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภทหัวต่อ ตัวผู้ - ตัวเมีย (Male to Female) ความยาว 20 เซนติเมตร จำนวน 1 แถบ (40 เส้น) สี คละสี (ช่วยให้ง่ายต่อการแยกสายสัญญาณ) ระยะห่างพิน (Pitch) 2.54 มม. (มาตรฐาน)
49.00 ฿
-
Global Byte Shop Micro Switch Button 6x6x7mm
ไมโครสวิตช์ปุ่มกด (Tactile Switch) 6x6x7mm ไมโครสวิตช์ (Micro Switch) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Tactile Switch คือสวิตช์ปุ่มกดขนาดเล็กที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในงานอิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เป็นอินพุตสำหรับรับคำสั่งจากผู้ใช้ การทำงานเป็นแบบ "กดติด-ปล่อยดับ" (Momentary) คือวงจรจะเชื่อมต่อกันเฉพาะตอนที่ปุ่มถูกกดค้างไว้ และจะตัดการเชื่อมต่อทันทีเมื่อปล่อยมือ คุณสมบัติเด่น (Key Features) ขนาดมาตรฐาน: ขนาด 6x6 มม. ทำให้เสียบลงบนบอร์ดทดลอง (Breadboard) ได้พอดี ให้ความรู้สึกตอบสนอง: มีเสียง "คลิก" เบาๆ เมื่อกด ทำให้ผู้ใช้รับรู้ได้ว่าปุ่มทำงานแล้ว ใช้งานง่าย: เป็นสวิตช์พื้นฐานที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้วงจรดิจิทัล อเนกประสงค์: สามารถใช้เป็นปุ่ม Reset, ปุ่มเลือกเมนู, หรือปุ่มควบคุมทั่วไปได้ ข้อมูลจำเพาะ (Specifications) ประเภท ไมโครสวิตช์ / Tactile Switch / Push Button การทำงาน กดติด-ปล่อยดับ (Momentary NO - Normally Open) ขนาดฐาน 6 x 6 มม. ความสูงรวม 7 มม. (รวมก้านกด) จำนวนขา 4 ขา หลักการทำงานของสวิตช์ 4 ขา ภายในสวิตช์ ขาที่อยู่ตรงข้ามกันในแนวทแยงจะเชื่อมต่อกันอยู่แล้ว เมื่อปุ่มถูกกด วงจรภายในจะเชื่อมต่อขาฝั่งซ้ายและฝั่งขวาเข้าด้วยกัน ทำให้ขาทั้ง 4 ขาเชื่อมถึงกันทั้งหมด เราจึงสามารถต่อวงจรโดยใช้ขาฝั่งหนึ่งเป็น Input และอีกฝั่งเป็น Output ได้ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน ใช้เป็นปุ่มกดรับคำสั่งในโปรเจกต์ Arduino, ESP32, Raspberry Pi เป็นปุ่ม Reset สำหรับไมโครคอนโทรลเลอร์ ใช้ในวงจร Debounce เพื่อเรียนรู้การเขียนโปรแกรมควบคุมปุ่มกด เป็นปุ่มควบคุมในเกม DIY หรือเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ใช้เป็นส่วนประกอบในการซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
2.00 ฿
-
Global Byte Shop Arduino Uno R3 | บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ยอดนิยม สำหรับงาน IoT/DIY
Arduino UNO R3: บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคน Arduino UNO R3 คือบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ที่ใช้ชิป ATmega328P ซึ่งเป็นบอร์ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้การเขียนโปรแกรมและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงมืออาชีพที่ใช้สร้างสรรค์โปรเจกต์ต้นแบบ (Prototype) ที่ซับซ้อน บอร์ดนี้มีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นใช้งาน เพียงแค่เชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ด้วยสาย USB หรือจ่ายไฟจากอะแดปเตอร์ AC-to-DC หรือแบตเตอรี่ คุณก็พร้อมที่จะสร้างสรรค์ผลงานได้ทันที โดยบอร์ดรุ่นนี้สามารถทำงานร่วมกับ Arduino UNO ของแท้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำไม UNO R3 ถึงเป็นบอร์ดที่นิยมที่สุด? เริ่มต้นง่าย: เป็นบอร์ดมาตรฐานที่มีแหล่งข้อมูล, บทเรียน, และตัวอย่างโค้ดมากที่สุดในโลก ครบจบในบอร์ดเดียว: มีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการทำงาน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์โปรแกรมแยก ยืดหยุ่นสูง: มีขา Digital I/O 14 ขา และ Analog Input 6 ขา เพียงพอสำหรับโปรเจกต์ส่วนใหญ่ รองรับ Shield หลากหลาย: สามารถนำบอร์ดเสริม (Shields) มาต่อเพื่อเพิ่มความสามารถได้อย่างง่ายดาย ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค (Technical Specifications) ไมโครคอนโทรลเลอร์ Microcontroller ATmega328P Clock Speed 16 MHz หน่วยความจำ (Memory) Flash Memory 32 KB (0.5 KB ถูกใช้โดย Bootloader) SRAM 2 KB EEPROM 1 KB อินพุต / เอาต์พุต (Input / Output) Digital I/O Pins 14 ขา (6 ขาสามารถใช้เป็น PWM Output ได้) Analog Input Pins 6 ขา DC Current per I/O Pin 40 mA DC Current for 3.3V Pin 50 mA ระบบไฟ (Power) Operating Voltage 5V Input Voltage (recommended) 7-12V Input Voltage (limits) 6-20V
150.00 ฿ 110.00 ฿
